วันพฤหัสบดีที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ยูมิน ปล่อยโฮ! งัดอีเมล์แฉ ฟิล์ม หยอดคำหวาน

โดนคู่กรณีไล่บี้ แฉหลักฐานต่างๆ นานา ล่าสุดถึงคิวของสาวมั่น "ยูมิน ทวิกานต์ กุลชล" ออกโรงโชว์หลักฐานอีเมล์ที่นักร้องหนุ่ม "ฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์" ส่งถึงกันระหว่างที่อยู่ประเทศอังกฤษ นี่เป็นแค่ออเดิร์ฟ ซึ่งสาวยูมินเผยว่ายังมีไม้เด็ดที่ยังไม่ได้เอาออกมาแฉ บอกหากเป็นความต้องการของประชาชน ตนก็ทยอยเอาออกมาตีแผ่ให้ทราบ

จุดประสงค์ที่ออกมาในวันนี้ แค่อยากร้องขอให้อีกฝ่ายพูดความจริงบ้าง ไม่ใช่โกหกเพื่อตัวเองหรือองค์กรใดองค์กรหนึ่ง ลั่นไม่กลัวต้นสังกัดของฝ่ายชายขู่ฟ้อง ลั่นไม่ได้ทำอะไรผิด ที่ผ่านมาความสัมพันธ์ยืนยันว่ามากกว่าพี่-น้อง ส่วนจะมีอะไรเกินเลยหรือไม่นั้นไม่ขอพูดเพราะด้วยความเป็นลูกผู้หญิง จะมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือไม่ก็ไม่สมควรพูด

"ก่อนหน้านี้ยังรู้สึกสบายอยู่ ไม่เป็นไรเพราะไม่ได้รับผลกระทบเท่าไหร่หนูเองก็ไม่ได้ดังอะไรมากมายแค่ทำ ตามความถูกต้อง เพิ่งมากดดันจริงๆก็เป็นเมื่อวาน มีโทรศัพท์เข้ามาบอกว่ามาจากฟิล์ม ให้หนูพยายามอย่าพูดหลายๆอย่าง ได้ข่าวมาว่าอาร์เอสกำลังจะฟ้อง ทราบและรู้จักคนที่โทรมาด้วย เขาเป็นพี่พนักงานที่สโมสรหมู่บ้านเป็นบริษัทใหญ่บริษัทหนึ่งในการสร้างบ้าน และดูแลหมู่บ้าน (อะไรที่ฟิล์มพูดแล้วเรารับไม่ได้) ติดใจทุกอย่างที่ไม่ใช่ความจริง หนึ่งเลยคือสถาบันครอบครัวของหนูสำคัญที่สุด ที่ผ่านมาเขาโทรมาหาแม่หนูตลอดแต่เขาบอกว่าแม่หนูโทร ซึ่งมันดูไม่ดีกับภาพลักษณ์ครอบครัวหนูมาก พ่อแม่หนูฝากมาบอกว่าไม่ได้บ้าดารา และไม่ได้มองว่าเขาคือฟิล์ม สมบูรณ์พร้อมทุกอย่างแค่ว่าพ่อแม่ยินยอมให้เข้าบ้านมาทำความรู้จักกับลูก เพราะคิดว่าที่ผ่านมาเขาคิดว่าเป็นคนดีค่ะ"

"เราสนิทสนมกันมาเกือบ 2 ปีก็เริ่มตั้งแต่ต้นปีที่แล้ว ส่วนเรื่องความสัมพันธ์ไม่ตรงกัน ตรงที่ว่าพี่-น้อง หนูเชื่อว่าไม่ใช่ร้อยเปอร์เซ็นค่ะ (อะไรที่บอกได้ว่าไม่ใช่พี่-น้อง) ตรงนั้นหนูไม่ขอเปิดเผยมากมาย ถามว่าเบื้องต้นมีการแตะเนื้อต้องตัวกันไหม มีอยู่แล้ว ถามว่าตรงนั้นที่หนูไม่พูดไม่ใช่ว่าหนูเสียหายแล้ว เหมือนที่ทุกคนพยายามคิดว่าเกิดอะไรขึ้นหรือยังแต่ที่หนูไม่พูดเพราะว่าความ เป็นลูกผู้หญิงเรื่องแบบนี้จะเกิดหรือไม่ก็ไม่ควรพูดอยู่แล้ว"

"สถานะตอนนั้นไม่ใช่กิ๊ก หรืออาจไม่ใช่แฟนเลยก็ได้ ผู้ชายมีหลายประเภท (แล้วสรุปว่าสถานะเราตอนนั้นละ) เขาพูดว่าเรารู้กันอยู่ในใจ ไม่จำเป็นต้องเปิดเผย ต้องเข้าใจเขาเพราะว่าเขาอยู่ในสถานะนั้น เขามีหลายคนต้องแคร์ (แสดงว่าเราพอใจที่จะยืนอยู่จุดนี้) ไม่ได้พอใจค่ะ และไม่เชิงว่าจะยืนด้วย หนูไม่เคยง้อเขา ครั้งล่าสุดเขาไม่โทรมาสักพักนึง พอเขาโทรมาหนูก็ถามว่าโทรมาทำไม หนูไม่ใช่ของตายของใคร หนูก็แค่ผู้หญิงคนนึงที่ผ่านเข้ามาในชีวิตและทำดีกับเขา ถ้าวันนึงหนูไปคุณไม่มีสิทธิ์มาตามหนูกลับ หนูสามารถตัดสินใจเองได้ว่าผู้ชายคนนี้ดีหรือไม่ดี"

"ถามว่าเชื่อไหมว่าเขามีคนอื่นไหม เชื่อว่ามีค่ะ ทนได้ยังไง หนูไม่ใช่ผู้หญิงที่ต้องตาม หนูพูดกับเขาเสมอว่าหนูเปิดใจ คุณจะยอมรับใครหรือเรียนรู้ใครหนูไม่เคยว่าแต่ ณ วันนึงที่หนูคิดว่าเขาคืออนาคตแล้ว หนูเชื่อว่าเขาจะหยุด"

มีหนุ่มเข้ามาคุยกับเราไหม? "เข้ามาคุยตลอด แต่หนูไม่เคยเปิดใจให้ใครเลย ส่วนกับอ๊อฟ ชนะพล หนูไม่ได้เดินเข้าไปหาเขา หนูพร้อมที่จะรู้จักทุกๆคน ถามว่าคุยพร้อมกันไหมกับฟิล์ม หนูไม่ได้คุยทุกวัน บางช่วงคุยบ่อย บางช่วงเป็นการที่โทรมาระบาย และบางช่วงไม่ได้คุยกัน (อ๊อฟเข้ามาคุยก่อน?) พี่ฟิล์มเข้ามาคุยก่อนนานมากค่ะ (อ๊อฟรู้ไหมว่าเราคุยกับฟิล์ม) รู้ค่ะ"

แสดงว่าที่ฟิล์มบอกว่าไม่ใช่แฟน เราก็รับได้ แต่ที่รับไม่ได้คือเขาบอกว่าไม่ได้คุย? "บอกว่าเป็นพี่น้องถามว่าโอเคไหม หนูโอเค การพูดของเขาหนูโอเค ใจกว้าง แต่สิ่งที่หนูรับไม่ได้คือ จากการที่เราดูแววตา ฟังทุกอย่าง อะไรคือเรื่องจริงหรือคนที่พยายามจะเปิดเผยข้อมูลบางอย่างที่ไม่ใช่เรื่อง จริง"

ได้คุยกับฟิล์มล่าสุดเมื่อไหร่? "ก่อนกลับจากอังกฤษประมาณอาทิตย์นึง เขาก็บอกว่าจะกลับแล้วเดี๋ยวถ้าว่างก็เจอกัน คุยกัน ก่อนจะมีข่าวทุกอย่างเหมือนเดิม แค่มีข่าวแล้วมันเป็นการตัดสินใจของแต่ละคนหนูก็เข้าใจและให้เกียรติเขา"

หลักฐานยืนยันความสัมพันธ์คืออะไร? "เฉพาะวันนี้ก็มีอีเมล์บางส่วนที่เขาเคยส่งมา ข้อความว่า "I miss you so muchhhhhh เห็นแล้วนะครับ เก่งมากเลยครับ ตอนนี้กลับมาอยู่บ้านยังอยากคุยด้วยมากเลย ฟิล์มอยู่ที่นี่ลำบากมากมือถือก็โดนขโมย ไม่มีอะไรดีเลย อยู่ที่นี่โคตรคิดถึงเลย อยากกลับไปแล้ว ทิ้งเบอร์ไว้ด้วยนะเดี๋ยวโทรไป i love you" ส่งมาวันที่ 28 ก.พ. หนูอยู่ในบ้านทีนซูเปอร์สตาร์ค่ะ พ่อแม่ปริ้นอีเมล์มาให้ดูและตอบกลับไปหาเขา ทุกครั้งที่คุยโทรศัพท์เขาจะทิ้งท้ายว่าฟิล์มรักคุณนะ หนูรับฟังแต่ถามว่าเชื่อไหม คนเราครึ่งๆค่ะ"

คุณพ่อคุณแม่ตอบกลับอีเมล์ให้ประมาณไหน?
 "คุณพ่อคุณแม่ตอบไปประมาณว่า "ไม่เป็นไรนะลูกทนอีกนิดนึง เดี๋ยวก็ได้กลับมาแล้วอีกไม่กี่วัน คิดถึงลูกนะ แม่รักลูกนะ"

นอกจากอีเมล์แล้วยังมีหลักฐานอื่นอีกไหม?
 "ก็มีข้อความบางอย่าง ส่วนรูปถ่ายคู่ไม่เคยถ่ายค่ะ ไม่อยากแสดงเจตนารมณ์ให้เขารู้หรือให้เขาคิดแม้แต่นิดเดียวว่าหนูเป็น ผู้หญิงที่เข้ามาเพื่อหวังอะไรจากเขา หนูไม่ต้องการ"

ทำไมไม่เอาหลักฐานออกมาโชว์ทีเดียวให้จบเลย?
 "ก็เพิ่งมารู้จากทุกๆคนนี่แหละค่ะว่าอยากรู้อะไรที่มันเหลืออยู่เพราะที่ ผ่านมาหนูคิดว่าช่างมันเถอะ (จะเอาออกมาโชว์อีกเมื่อไหร่) ขึ้นอยู่กับหน้าที่ว่าเมื่อไหร่ (หน้าที่คือ?) เหมือนวันนี้ คือการมาทำงานเป็นหนึ่งงานของหนู"

ก่อนหน้านี้ฟิล์มยอมรับว่าคุยกับเราจริง แต่มีอะไรหลายๆ อย่างที่ไปด้วยกันไม่ได้?
 "ตรงนั้นหนูเข้าใจและรู้สึกดีที่คุณมีความเป็นลูกผู้ชายที่จะพูด สิ่งที่เขาให้สัมภาษณ์มันขัดในสิ่งที่เขาพูด ถามว่ารู้ไหมอะไรคือเท็จหรือจริง ก็รู้ทุกอย่าง"

จุดประสงค์ที่ออกมาในวันนี้คืออะไร?
 "ไม่ใช่จุดประสงค์ของหนูค่ะ เป็นความต้องการของประชาชน หนูอยู่เงียบๆถามว่าเช็กกระแสข่าวไหม ก็เช็กว่าคนต้องการอะไร บางกลุ่มให้กำลังใจหนูมากขอบคุณ หลายๆสื่อหลายๆกลุ่ม แต่ที่มากที่สุดคือพันธุ์ทิพย์และเฟซบุ๊ก ทุกคนเข้าใจและกำลังใจหนู"

ตอนนี้มีแต่คนมารุมแฉฟิล์ม ทำให้รู้สึกว่าเขาเป็นคนที่ไม่พูดความจริง?
" (ร้องไห้) ทุกอย่างขึ้นอยู่กับตัวเขา จะช้าจะเร็วก็คือตัวเขาทั้งนั้น"

หลายคนมองว่าเราเกาะดัง?
"หนูแจ้งไปชัดเจนแล้วว่าหนูไม่ต้องการดัง มันไม่มีความสุขเลย"

อยากฝากบอกอะไรถึงฟิล์มไหม?
"จะโกหกอะไรเพื่อธุรกิจ หนูอยากให้เข้าใจความเป็นลูกผู้หญิงบ้าง คนเรามีหัวใจ หนูผู้หญิงตัวเล็กๆ คนเดียวแต่เขาเองก็มีอะไรรองรับหลายอย่าง มันกดดัน มันเจ็บมาก"

ยังสามารถยืนอยู่ในวงการได้ไหม?
 "ทุกอย่างขึ้นอยู่กับเวลาและโอกาส หนูเป็นผู้หญิงคนนึงที่มีทางเดินชีวิตตัวเองชัดเจนแล้ว ไม่ได้คิดว่าพรุ่งนี้จะเป็นยังไง พยายามทำตัวให้ดีที่สุดเท่าที่ยังพอมีเวลา เชื่อว่าผู้หญิงทุกคนหัวใจแข็งแรงแต่กล้าที่จะทำหรือไม่ทำ ณ วันนี้หนูตัดสินใจออกมาทำแล้วแทนผู้หญิงหลายๆคนที่โดนอย่างนี้เหมือนกัน"

ถ้าฟิล์มขอเคลียร์จะยอมไหม?
 "คุยค่ะ ถ้ามาให้หนูโกหก หนูไม่ทำ คนทั้งประเทศสมควรได้รับรู้ความจริงไม่ใช่ว่านั่งปกปิดเพื่อคนคนเดียว รู้ว่าสิ่งที่เขาทำคือคนไม่มีหัวใจ"

"เรื่องฟ้องร้อง ถามว่ากลัวไหม ไม่ได้กลัวเพราะไม่ได้ทำอะไรผิด หนูทำสิ่งที่ถูกต้องที่สุดแล้วในชีวิตหนูจริงๆ ผลกระทบที่จะเกิดกับครอบครัวหนู หนูไม่อยากให้ใครต้องมาเดือดร้อนในธุรกิจก็ไม่เชิงหรือเรียกว่าการเอาตัวรอด ของคนบางคนหรือบางกลุ่ม หนูก็ไม่ทราบเหมือนกัน (ปรึกษากับครอบครัวหรือยังว่าถ้าเขาฟ้องจริงจะทำอย่างไร) พ่อแม่บอกว่าจะกลัวทำไมในเมื่อเราไม่ได้ทำอะไรผิด แต่ถามว่าไม่เกิดขึ้นจะดีกว่า (ที่เขาโทรมาเตือนหรือให้ระวังตัว?) หนูคิดว่าเตือนค่ะ ผลกระทบที่เกิดขึ้นในตอนนี้คือทางจิตใจ"
ขอบคุณ : Rakdara

สมยศ แฉ! คลิปเสียง ฟิล์ม ชี้แค่อยากกู้ศักดิ์ศรี

เรียกว่าขุดกำพืดกันมันส์หยด จากกรณีซุปตาร์ "ฟิล์ม รัฐภูมิ" ที่ถูกอดีตผู้ชักจูงเข้าวงการ "สมยศ ศรีสมบูรณ์" ออกมาทวงสิทธิ์ในการที่ต้องได้รับการเอ่ยถึงว่าเป็นผู้ชักนำเข้าวงการคนแรกไม่ใช่เอะอะ อะไรก็มีแต่ "พจน์ อานนท์" ซึ่งทางสมยศกล่าวว่า วันนี้ไม่ได้ออกมาเรียกร้องอะไร แค่อยากจะออกมากอบกู้ศักดิ์ศรีของตนที่โดยมองข้ามมาตลอดระยะเวลา 9 ปี เผยตนมีหลักฐานทุกอย่างและยังเก็บงำความลับของนักร้องหนุ่มไว้อีกด้วย หากมีการเปิดโต๊ะเจรจาขอโทษขอโพย ตนก็ยินดีที่จะหยุดการแฉทั้งหมด พร้อมกันนี้ยังงัดหลักฐานเด็ดเป็นคลิปเสียงผู้บริหารอาร์เอสและแม่ฟิล์มที่ โทรมาคุยกับตน ชี้ไม่อยากให้ใครมองตนว่าเป็นคนลวงโลก ฉะนั้นวันนี้ตนมีหลักฐานคลิปเสียงจริง คงไม่ใช่กล่าวอ้างลอยๆอย่างที่พีอาอาร์เอสบอกกับนักข่าว

"วันที่ 18 มิ.ย. ตอนที่ผมไปที่ศาลมันหมายถึงว่า ฟิล์มได้พูดผ่านสื่อก่อนที่จะไปอังกฤษ โดยที่นักข่าวถามว่า "สมยศ ศรีสมบูรณ์" ว่าเป็นใคร เขาบอกไม่รู้จัก หาว่าผมแอบอ้าง สื่อก็ได้เห็นแล้วว่าในข่าวก็มีชื่อผมการันตีอยู่แล้วตั้งแต่ปี 2545 หลังจากนั้นผมมีความรู้สึกว่าผมอยากจะถามกับตัวจริงของเขาจะตอบยังไง เวลาเขาเห็นตัวจริงของผม ผมไม่จำเป็นต้องเกรงเขาอยู่แล้วเพราะว่าความจริงอยู่กับผม ผมก็เลยไปที่ศาลในวันนั้นไปคุยเรื่องราวต่างๆ ว่าความจริงมันคือยังไง"

"หลังจากนั้นเขาก็ขึ้นศาลซึ่งผมก็รอที่จะถามเขาแต่ระหว่างนั้นก็มีผู้บริหารอาร์เอส "แป๋ง ชัยยศ สายบัวทอง" โทรมาคุยกับผม เบอร์โทรก็อยู่ในเครื่องของผม เขาก็ถามว่าเรื่องฟิล์มเป็นยังไง ขอร้องว่าอย่าถึงโรงถึงศาล มีอะไรค่อยคุยกันหรือวันจันทร์ออฟฟิศเปิดจะนัดเจรจาก็ว่ากันอีกที ผมก็รับฟังและปรึกษากับทนาย ผมไม่ได้ต้องการรุกรานแต่มาเพื่อที่จะบอกความจริงว่ามันคืออะไร ด้วยความที่ผมเป็นเด็กกว่า ผมเคารพนับถือในความเป็นผู้ใหญ่ ทนายก็บอกว่าเราคงต้องถอยหลังก่อนเพราะผู้ใหญ่ก็พูดกับเราขนาดนั้นแล้ว คิดว่าฟิล์มน่าจะพูดออกมาดีกว่านั้น ก็เลยกลับออกมาก่อน ผมไม่ทราบว่าพีอาสื่อสารกับบริษัทอย่างไรถึงได้บอกว่า โทรไปที่บริษัทอาร์เอสแล้วไม่มีผู้บริหารท่านใดโทรมาคุยกับผม ซึ่งผมเองก็เสียหาย ถ้าหากไม่มีผู้บริหารโทรมาหาผมตามที่พีอาบอก เมื่อผมไปอยู่ตรงนั้นทำไมเขารู้และโทรมาหาผมล่ะครับ แต่ผมรู้สึกภูมิใจที่คนธรรมดาอย่างผมมีผู้ใหญ่ยอมมาคุยกับผม ทั้งๆ ที่บางคนดูถูกศักดิ์ศรีผม ก็ต้องขอบคุณพี่เขาด้วยครับ"

"ที่ออกมาในวันนี้ไม่ได้ออกมาเรียกร้องเกินไปกว่าศักดิ์ศรีความเป็นคน ที่เป็นเพียงมนุษย์ตัวเล็กๆคนนึงที่ไม่ใช่คนดัง แต่คนดังกลับคิดว่าคนที่ไม่ดังมันไม่มีศักดิ์ศรี อยากพูด โกหกอะไรก็ได้ มันไม่แฟร์ที่ผมต้องแบกภาระกับความจริงมาตลอดเวลา ตั้งแต่ปี 2545 เวลามีนักข่าวมาถามผม ผมก็ตอบด้วยความจริงพอกลับไปถามฟิล์มก็ตอบอีกอย่าง กลับกลายเป็นว่าคนที่พูดความจริงอย่างผม เป็นคนโกหกสังคมทั้งที่บทเรียนในการโกหกก็มีตัวอย่าง"

"ก่อนที่จะพูดต่อไป ผมก็มีคลิปเสียงที่ผมคุยกับผู้บริหารอาร์เอสเพื่อเป็นการคอนเฟิร์มว่าผม บริสุทธิ์ใจจริง ที่ผมถอยหลังออกมาในวันนั้นเพราะผมไม่อยากให้ใครมามองผมว่าผมคุยไม่รู้ เรื่อง ผมไม่รู้จักการคิด

คลิปเสียงสนทนาที่ทาง สมยศ ศรีสมบูรณ์ ได้คุยกับผู้บริหารอาร์เอสนั้น สรุปได้ใจความได้ว่า "คือตนเป็นคนพาฟิล์มเข้าอาร์เอส ซึ่งฟิล์มเองก็คงปฏิเสธไม่ได้เช่นกัน หลังจากนั้นตนก็ทนพฤติกรรมของนักร้องหนุ่มไม่ได้ แถมยังบอกว่าตนไม่มีสัญญา ตนยอมเป็นคนโง่ให้ฟิล์มฉลาดไปก็ได้ก็เลยยกเลิกการทำงาน ไม่เคยติดต่อหรือวุ่นวายอะไรอีกเลย จนกระทั่งพจน์ อานนท์เข้ามาดูแลต่อ พี่พจน์เป็นคนสร้างฟิล์ม แต่คนที่ชักนำเข้ามา ทุกอย่างฟิล์มต้องแบ่งภาพพูดให้ถูกต้อง แต่อย่าบอกว่าพี่พจน์เป็นคนชักนำเข้ามาเพียงคนเดียว ฟิล์มก็ยังบอกเหมือนเดิมว่า พจน์ อานนท์เป็นคนชักนำเข้าวงการ ถ้าฟิล์มยังยืนยันอย่างนี้อีก ตนก็มีสิทธิ์พูดความจริงได้"

"ซึ่งฟิล์มเองไม่เคยพูดความจริง ตนเลยไม่ชอบทำให้คนมองว่าตนเป็นคนโกหกสังคมซึ่งเรื่องนี้แม่ฟิล์มก็รับรู้มา ทั้งหมด วันที่ฟิล์มเจอตนฟิล์มยังตกใจทำอะไรไม่ถูกแต่ดีที่ยังยกมือไหว้ตน นั่นหมายความว่าฟิล์มยอมรับโดยปริยายแล้วว่าตนมีตัวตนในชีวิตของเขา แล้วจะมายืนยันว่าพจน์ อานนท์ เป็นคนชักนำเข้าวงการเหมือนเดิม อันนี้ผิดครับ ตนเป็นคนพาไปอาร์เอสจริงแต่ยังพาไปไม่ถึงระดับที่มีชื่อเสียง เมื่อคนที่รับฟิล์มไปจากตนก็ต้องมีการคอนเน็กท์ต่อจากตนไม่ใช่คุยกันเอง นั่นถือว่าไม่ให้เกียรติตนในตอนแรก แต่นี่ไม่ใช่สาระสำคัญเพราะตนไม่ได้ซีเรียสมาตั้งนานแล้ว พอมาถึงตอนนี้ฟิล์มก็ไม่เคยปรับเปลี่ยนคำพูด ถ้าฟิล์มพูดอย่างนี้ก็ถือว่าฟิล์มไม่น่ารัก"

"ความลับฟิล์มทั้งหมดตนมีสิทธิ์พูดตั้งแต่ก่อนออกจากแกรมมี่คืออะไรยังไง ตนจะพูดด้วยหลักฐานและเอกสาร การยอมรับของแม่ฟิล์มตนก็มีเอกสารหลักฐานครบ เพราะฉะนั้นอย่ามาพูดแบบนี้ นั่นหมายความว่าฟิล์มรอดแล้วตนไม่รอด ตอนนี้ชีวิตของฟิล์มเหมือนตัดหนามถมทางเดินของตัวเองคนเราเดินไปข้างหน้า หรือย้อนกลับหลังต้องทำได้หมด แต่ฟิล์มย้อนหลับหลังไม่ได้ ฟิล์มกำลังจะไปแก้ไขสิ่งที่ผ่านมาว่าไม่เคยรู้จักผม เรื่องทั้งหมดถ้ายังเป็นแบบนี้อยู่ผมก็จะพูดต่อ ฉะนั้นรบกวนช่วยคุยกับฟิล์มว่าจะเอายังไงกับตน"

"ถ้าเป็นไปได้จะให้มีการเจรจาเรื่องจะได้จบ ไม่อยากปวดหัว ตนเก็บความลับแบกภาระมาตอลด 9 ปี แต่ฟิล์มโกหกแล้วรอดตัวเพราะถือว่าดังกว่าตน พูดอะไรก็พูดได้ ถ้าเป็นไปได้อาทิตย์หน้าช่วยคุยกับฟิล์ม กับคำว่าขอโทษมันจะตายหรือเปล่าหรือแค่บอกว่าได้เจอตน แล้วตนพาไปไหนอย่างไร ถ้าไม่มีการขอโทษ ตนก็จะนำหลักฐานทุกอย่างที่มีอยู่ออกมาตีแผ่ เพราะที่ผ่านมาตนถือว่าให้ฟิล์มมาเยอะแล้ว"

"วันที่ไปศาลพี่แป๋งผู้บริหารอาร์เอสโทรมาคุยกับตน แต่พีอาอาร์เอสกลับไปบอกนักข่าวโทรไปเช็กที่อาร์เอสแล้ว ไม่มีผู้บริหารท่านใดโทรมาคุยกับตน ตนเสียหาย ฉะนั้นฝากถามด้วยว่าพีอาคนนั้นชื่ออะไร ตนให้เกียรติพี่แป๋งมากถึงได้ยอมถอยออกมาแต่พีอากลับมาพูดแบบนี้ ตนติดลบนะ ใจจริงตนอยากคุยกับฟิล์ม รัฐภูมิด้วยตัวเอง ถ้าตนแอบอ้างสามารถฟ้องได้เลย เอกสารตนก็มีครบ"

"นั่นคือเป็นข้อเท็จจริงว่าทำไมตนถึงออกมาพูดและสาเหตุที่ผมก็อบปี้คลิ ปเสียงไว้เพราะว่าคนตัวเล็กอย่างผม ไม่มีความดังอย่างที่เขาดูถูกผมมา ผมก็ต้องใช้วิธีนี้ ผมได้แสดงสปิริตออกไปแล้วแต่สิ่งที่ได้กลับมาคือการโกหกทั้งหมด ฉะนั้นผมก็ต้องโทรกลับเช็กข้อมูลอีกทีนึงว่าทางนั้นยอมรับว่าได้โทรหาผมจริง นั่นเป็นข้อมูลที่ต้องมีหลักฐาน ถ้าผมทำอะไรที่ล่วงเกินไปก็ต้องขออภัย ถ้าผมไม่ทำแบบนั้นชีวิตผมก็ต้องโดนคนที่ดังกว่าดูถูก"

"วันนี้ที่โทรมาหาเพราะว่ามีเพื่อนบอกว่าทำไมฟิล์มพูดอย่างนั้น ถ้าถามเพื่อนตนสมัยก่อนจะรู้หมดเลย ว่าเรื่องนี้คืออะไรอย่างในรายการตีท้ายครัวบอกว่าไปเจอพจน์ อานนท์ที่ลาดพร้าว 101 ปกติดาราต้องเจอคำถามอยู่แล้วว่าที่มาขอตัวเองมาจากตรงไหน เพราฉะนั้นมันจะอยู่ที่ตัวเราว่าเราจะเลือกตอบแบบไหนให้ดูดีที่สุดและเลือก ตอบแบบไหนที่น่าจะเป็นความจริงที่สุด"

** ทั้งนี้นายสมยศ นำ Clip เสียงที่อ้างว่าอัดไว้เป็นหลักฐาน ระบุว่าเป็น Clip ของ PR ค่าย RS ท่านหนึ่ง , Clip เสียงคุณแม่ของฟิลม์ มีใจความประมาณว่าทำไมลูกชายถึงอ้างว่าคนอื่น หรือ พจน์เป็นคนพาเข้าวงการ ไม่ใช่ตน ใน Clip ทั้ง 2 ก็มีการบอกว่าจะไปตักเตือนหนุ่มฟิลม์ให้ **

ที่มา : Rakdara

คลิปอ้างคล้าย "มาช่า" โชว์เลิฟซีนสะเด่า!

ตะลึงภาพหลุดหน้าคล้าย ''มาช่า'' ในอิริยาบถแสดงความรักกับหนุ่มลูกครึ่งคมเข้ม เม้าท์สนั่นหน้าตาละม้ายคล้ายคลึงกับ ''ซีริล'' รูฮานี (Cyril Rouhani)'' อดีตโปรดิวเซอร์ชาวฝรั่งเศส ซึ่งต่อมาแตกคอมีปัญหาฟ้องร้องขึ้นโรงขึ้นศาลกันเรื่องลิขสิทธิ์เพลง I''m black

ฮือฮาภาพหลุดหน้าคล้ายคนบันเทิงว่อนเน็ต มาอีกแล้ว คราวนี้เป็นสาวใหญ่หน้าตาคล้ายกับม่ายสาวทรงเสน่ห์ ''มาช่า วัฒนาพานิช'' กำลังโชว์ลีลารักชวนเคลิบเคลิ้มกับหนุ่มลูกครึ่ง ซึ่งมีกระแสเม้าท์แพร่สะพัดออกมาว่าหนุ่มคนดังกล่าวมีหน้าตาละม้ายคล้ายคลึง กับ ''ซีริล'' รูฮานี (Cyril Rouhani)'' อดีตโปรดิวเซอร์ชาวฝรั่งเศส ที่เคยร่วมมือกับทำผลงานเพลง I''m black ก่อนภายหลังทั้งคู่มีปัญหาฟ้องร้องกันเรื่องลิขสิทธิ์เพลงนี้

โดยก่อนหน้านี้ น.ส.ภัทรธร แสงจันทร์ศรี อายุ 34 ปี ได้อ้างตนเป็นผู้รับมอบอำนาจ บริษัท โซนี่มิวสิค ยุโรป ให้ดำเนินคดีกับนักร้องดังของไทย ในข้อหาละเมิดลิขสิทธิ์เพลง I''m back ร่วมกับนายซีริล โปรดิวเซอร์ โดยเรียกค่าเสียหายเป็นจำนวนเงิน 2 ล้านยูโร สืบเนื่องจากการที่ทั้งสองได้ทำเพลงดังกล่าวร่วมกันก่อนที่นักร้องดังจะไปจด ทะเบียนบริษัท มาช่า โปรดักชั่น จำกัด พร้อมกับทำอัลบั้มดังกล่าวออกมาโดยมิได้บอกกล่าวให้กับทางคู่กรณีทราบ
          
ขณะที่ทางฝั่งของนักร้องดังเองก็ได้ส่งทนายพร้อมตัวแทนออกมายืนยัน ถึงความบริสุทธิ์ โดยเผยว่าเพลงดังกล่าวตนได้ไปจดรับลิขสิทธิ์อย่างถูกต้อง พร้อมชี้ข้อพิรุธว่า เช่นเพลงที่อีกฝ่ายบอกว่าละเมิดลิขสิทธิ์นั้นคือเพลง I''m black รวมถึงตราสัญลักษณ์ของโซนี่ที่เป็นบ.โซนี่เครื่องใช้ไฟฟ้า ขณะที่ บ.โซนี่ มิวสิค ประเทศไทย ก็ได้ออกมายืนยันว่าทางโซนี่ ยุโรป นั้นไม่เคยแต่งตั้งให้ น.ส.ภัทรธร เป็นตัวแทนในการฟ้องร้อง เช่นเดียวกับนายซีริล เองก็ไม่เคยร่วมงานกับโซนี่แต่อย่างใด ทั้งนี้ศาลเองได้รับคำฟ้องดังกล่าวไว้ พร้อมนัดไต่สวนคำฟ้องต่อไป ในวันที่ 18 กรกฎาคม 2554 เวลา 09.00 น.

** สำหรับภาพหลุดชุดดังกล่าวในเบื้องลึกยังไม่สามารถมีใครพิสูจน์ได้ว่า ใครเป็นผู้ปล่อยออกมา แต่ส่วนหนึ่งถูกอ้างอิงมาจากเวป Blog ที่ระบุว่าเป็นของ "ซูริล" ที่สร้างขึ้นไว้ http://cyrilrouhaniandmarshavadhanapanich.blogspot.com/ **
   
ทั้งนี้ภาพชุดดังกล่าวมีหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นภาพหญิงสาวหน้าคล้ายนักร้องดังโพสท่าแก้มแนบแก้มฉีกยิ้มพิมพ์ใจ ถ่ายร่วมกับหนุ่มลูกครึ่งหน้าคล้ายอดีตโปรดิวเซอร์ และมีภาพหญิงคนเดียวกันบรรจงหอมแก้มฝ่ายชายฟอดเบ้อเริ่ม  นอกจากนี้ยังมีภาพ หนุ่มลูกครึ่งหน้าตาคล้ายซีริล  ถ่ายรูปร่วมกับสาวหน้าคล้ายมาช่าแบบสนิทสนม โดยมีเด็กหนุ่มหน้าตาคล้ายกับลูกชายสุดฮอตของนักร้องสาวชื่อดังร่วมเฟรมอยู่ด้วย
   
แต่ที่เป็นชอตเด็ดที่สุดสำหรับภาพหลุดชุดนี้ น่าจะเป็นภาพบรรเลงเพลงรักสุดสยิว ของหญิงสาวหน้าตาคล้ายมาช่า โดยหนึ่งเป็นภาพที่หญิงสาวคนดังกล่าวแลกจูบสุดสะเด่ากับหนุ่มลูกครึ่งคมเข้ม หน้าคล้ายซีริล และอีกภาพหนึ่งหนุ่มลูกครึ่งคนดังกล่าวซุกไซ้ซอกคอหญิงสาวหน้าคล้ายนักร้อง ดัง ที่หลับตาพริ้มสุดยั่วยวนชวนให้คนเห็นเคลิบเคลิ้มตามไปด้วย ถึงรสรักอันนุ่มนวลที่ทั้งคู่แสดงออกต่อกัน
   
อย่างไรก็ตาม มีภาพที่สร้างความตกตะลึงให้กับผู้ที่พบเห็นมากไม่น้อยกว่าการบรรเลงเพลงรัก คือภาพที่มีหญิงสาวหน้าตาคล้ายคลึงนักร้องชื่อดังเปลือยเปล่าไร้อาภรณ์อยู่ ภายในห้องส่วนตัว เผยให้เห็นของสงวนส่วนต่างๆ ทั้งช่วงล่าง  นอกจากนี้ยังมีภาพนุ่งผ้าขนหนู เผยให้เห็นหน้าอกหน้าใจแบบหมดจดไม่มีอะไรมาปิดบัง รวมทั้งเผยให้เห็นเนินน้องสาวอีกด้วย
   
เกี่ยวกับเรื่องนี้เมื่อวันที่ 22 มิ.ย. 54 ผู้สื่อข่าวได้พยายามติดต่อมาช่า เพื่อสอบถามว่าเห็นภาพดังกล่าว ที่ระบุว่ามีหน้าตาละม้ายคล้ายคลึงกับตนเองหรือยัง และมีความรู้สึกอย่างไรกับภาพชุดดังกล่าวที่หลุดออกมา แต่ไม่สามารถติดต่อได้ ความคืบหน้าเรื่องนี้ผู้สื่อข่าวจะรายงานให้ทราบในโอกาสต่อไป

ขอบคุณ : สยามดารา

โบ-กรีน ชักยังไง! ดินเนอร์สวีทคู่?

มีคนตาดีแอบเห็น  ดีเจหนุ่มอารมณ์ดี โบ ธนากร และกรีน นักร้องสาวแห่งบ้านเอเอฟ 5  ดูหวานแหวสวีทดินเนอร์กันไม่ขาด เล่นเอาสาวๆ แถวนั้นตาร้อนกันเป็นแถว  เพราะดีเจโบเทคแคร์ เอาอกเอาใจสาวกรีน จนออกนอกหน้า มิน่า ช่วงนี้ กรีน ถึงได้ดูสวยผิดหูผิดตา  ดูท่าทางคู่นี้จะไม่ใช่แค่พี่น้องกันธรรมดาซะแล้ว!?! 

ชักอยากรู้ซะแล้วว่า หนุ่มโบ มีของดีอะไรกันน๊า? ถึงทำให้ สาวกรีน ติดใจได้ขนาดนี้ !!!   หากมีอะไรคืบหน้า ทางเราจะรีบมารายงานให้แฟนๆ ทราบกันน่ะค่ะ

"จอร์จ คลูนีย์" ประกาศเลิก "อลิซาเบธตา คานาลิส"แล้ว

หลังจากคบหาดูใจกันมานาน 2 ปี จนมีข่าวว่าทั้งคู่อาจเข้าพิธีแต่งงานกัน มาตอนนี้รักของ"จอร์จ คลูนีย์" นักแสดงหนุ่มใหญ่และนักแสดง-นางแบบสาวชาวอิตาเลียน "อลิซาเบธตา คานาลิส" ก็มาถึงทางตันแล้ว ประกาศแยกทางในที่สุด
     
"เราสองคนไม่ได้คบกันอีกต่อไปแล้ว" ทั้งคู่ได้บอกผ่านแถลงการณ์ที่มีร่วมกันต่อสื่อหลายสำนัก "มันเป็นเรื่องที่ยากลำบากมากและเป็นส่วนตัวจริงๆ เราขอให้ทุกคนเคารพความเป็นส่วนตัวของเราในเวลานี้ด้วย"
     
เรียกได้ว่าข่าวนี้ทำเอาหลายๆคนถึงกับช็อคพอสมควร เพราะก่อนหน้านี้เพียงไม่นาน คู่รักคนดังรายนี้ก็เพิ่งควงกันสวีทอยู่ในอิตาลี ซึ่งฝ่ายสาวได้ให้สัมภาษณ์สื่อเผยถึงความสุขที่เธอมีว่า
     
"ตอนนี้ฉันมีความสุขมากๆค่ะ ต้องขอบคุณผู้ชายของฉันและเรื่องราวเทพนิยายของฉันที่ยังดำเนินอยู่ เราเป็นคู่ที่ไม่เคยเบื่อกันเลยค่ะ" คานาลิส สาวสวยวัย 32 ปีกล่าว
     
งานนี้ถูกลือกันว่าการเลิกรากันครั้งนี้น่าจะเป็นเพราะ ฝ่ายหญิงต้องการจะแต่งงาน ในขณะที่ฝ่ายชายปฏิเสธการแต่งงานใหม่อีกครั้งหลังจากเขาเคยผ่านประสบการณ์ ดังกล่าวมาแล้ว
     
"ผมเคยแต่งงานแล้ว ผมเคยลองมาแล้ว" นักแสดงหนุ่มใหญ่วัย 47 ปี กล่าวถึงการแต่งงานของเขาที่เคยเกิดขึ้นกับ ทาเลีย บัลแซม เมื่อปี 1989 - 1993
     
ส่วนทางด้านฝ่ายสาวดูเหมือนว่าตัวเธอแอบหวังเล็กๆที่จะได้แต่งงานแม้ ว่าฝ่ายชายจะไม่อยากก็ตาม "ฉันเป็นคนที่เชื่อมั่นในเรื่องการแต่งงานนะคะ ในอนาคตฉันคงจะแต่งงาน แต่สำหรับตอนนี้ฉันมีความสุขในแบบที่ฉันเป็น ฉันไม่ได้ต้องการอะไรมายืนยันว่าฉันมีความสุขแค่ไหน" นางแบบสาวให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร Vanity Fair ของอิตาลี เมื่อปีที่แล้ว
     
 "จอร์จให้ความมั่นใจฉันตลอดเวลา ฉันรู้สึกอบอุ่นขึ้นกว่าที่เคย ความคิดที่ว่ารักล้นอกก็คือ...จอร์จนำสีสันกลับมาสู่ชีวิตฉันอีกครั้งค่ะ"
       

"น็อกซ์วิลล์'' เศร้าเสียลูกทีม "แจ็คแอสส์'' เมาซิ่งหลุดโค้งไฟคลอกดับอนาถ

เจสัน น็อกซ์วิลล์ เจ้าพ่อหนัง-ซีรีส์สตั๊นต์สุดห่าม ''Jackass'' สุดเศร้าหลังจากรู้ข่าวการตายของ ไรอัน ดันน์ นักแสดงคู่บุญประจำรายการของเขา ที่เมาเหล้าซิ่งรถปอร์เช่คันหรูแหกโค้งถูกย่างสดไหม้เกรียมดับอนาถด้วยวัย เพียง 34 ปี ที่เพนซิลเวเนีย เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา

น็อกซ์วิลล์ เป็นผู้ค้นพบ ดันน์ และแบม มาร์เกร่า คู่หูของเขาที่เป็นพวกเด็กแนวเล่นสเกตบอร์ด แสดงความไว้อาลัยผ่านทวิตเตอร์ เว็บไซต์สังคมออนไลน์ยอดฮิตว่า ''วันนี้ผมได้สูญเสียน้องชายของผม ไรอัน ดันน์ ผมขอส่งกำลังใจไปยังครอบครัวของเขา และแองจี้ คนรักของเขา ขอให้ไปสู่สุคตินะ ไรอัน ฉันรักนายเสมอ ไอ้เพื่อนยาก''
   
ขณะที่มาร์เกร่า เพื่อนซี้ของดันน์ ตกอยู่ในอาการช็อกจนไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้ โดย เอพริล มาร์เกร่า แม่ของเขาออกมาเปิดใจแทนว่า ''ฉันรู้สึกเหมือนเสียลูกชายไป ฉันไม่สามารถพูดเกี่ยวกับแบม เพราะเขาอยู่แอริโซนา แต่ฉันไม่สามารถเชื่อว่าเพื่อนของเขาเสียชีวิต''

''ไรอัน เป็นคนที่วิเศษ เขาน่ารัก และเป็นคนดีมากๆ เขาเหมือนกับลูกชายอีกคนของฉัน ทุกๆ คนรักเขามาก เขามีแฟนสาวที่คบกันมานาน และเธออยู่ในช่วงที่เสียใจอย่างมาก ตอนนี้เธอปิดโทรศัพท์ ฉันเสียใจจนพูดอะไรไม่ออกเลยตอนนี้''
   
นอกจากนี้มีเซเล็บอีกหลายคนที่แม้จะไม่ได้สนิทสนมกับดันน์ แต่ก็ออกมาแสดงความเสียใจกับการจากไปของเขา โดย เบนจี้ แมดเด้น มือกีตาร์แห่งวง Good Charlotte ส่งข้อความผ่านทวิตเตอร์ว่า ''ผมเสียใจมาก และช็อกที่ได้ยินเรื่องของ ไรอัน ดันน์ ผมขออธิษฐานเพื่อครอบครัวของเขา''
   
สำหรับความคืบหน้าของอุบัติเหตุครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจเวสต์ โกเชน ทาวน์ชิพ รัฐเพนซิลเวเนีย ระบุว่าพบซากรถยนต์หรูยี่ห้อปอร์เช่ 911 ประสบเหตุบริเวณถนนรูท 322 โดยรถพุ่งชนต้นไม้ข้างทางก่อนจะไหม้เป็นจุณ โดยสามารถระบุชื่อของผู้โดยสารอีกรายที่เสียชีวิตได้แล้วว่าชื่อ แซคารี่ ฮาร์ตเวลล์ วัย 30 ปี โดยมีรูปของเขาถูกโพสต์ลงทวิตเตอร์ของดันน์ ระหว่างทั้งคู่กำลังดื่มเบียร์อย่างเพลิดเพลินไม่กี่ชั่วโมงก่อนจะเสียชีวิต โดยฮาร์ตเวลล์ เคยมีชื่อเป็นทีมงานของหนัง Jackass Number Two เมื่อปี 2006
   
ขณะที่สำนักนิติเวชเมืองเชสเตอร์ เคาน์ตี้ เผยผลการชันสูตรศพเบื้องต้นของไรอัน และฮาร์ตเวลล์ เป็นการเสียชีวิตจากการถูกไฟไหม้ร่างกาย แต่ปริมาณแอลกอฮอลล์ที่คาดว่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้นักแสดงสตั๊นต์จอมห่าม เสียชีวิตจะรู้ผลในอีก 4-6 สัปดาห์ข้างหน้า

''เจนนิเฟอร์ โลเปซ'' ลมโชยมาพา "จุกโผล่"!!!

กลับมาอีกครั้งบนถนนสายดนตรี เจนนิเฟอร์ โลเปซ นักร้องสาวสะโพกดินระเบิด และครั้งนี้ก็ไม่ผิดหวัง เพราะนอกจากเพลงจะฮิตระเบิดเถิดเทิงแล้ว ล่าสุดที่ยังได้คะแนนนิยมจากหนุ่มๆ อีกเป็นกระบุงหลังโชว์สยิวแบบไม่ตั้งใจจนปทุมถันขนาดล้นมือทะลักออกมาให้ เห็นเป็นบุญตา เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในรายการโทรทัศน์สัญชาติเยอรมนี

นักร้องสาวลูกสองหายจากวงการบันเทิงไปนานพอสมควรหลังจากให้กำเนิด ลูกฝาแฝดชายหญิง จนหลายๆ คนชักสงสัยว่าเธอจะไม่ออกอัลบั้มใหม่ซะแล้ว แต่สุดท้ายความเย้ายวนในเสียงดนตรีทำให้โลเปซกลับมาอีกครั้ง และครั้งนี้ก็ฮอตจริงโดยเฉพาะเพลง ''On The Floor'' ที่แดนซ์กันกระจายทั่วบ้านทั่วเมือง
    
จึงเป็นธรรมดาที่ ''เจโล'' จะถูกเชิญไปรายการโน่นรายการนี้ทั่วโลก อย่างรายการทีวีโชว์ ''Wetten, Dass...?'' ที่ได้รับความนิยมในยุโรปอย่างมาก ซึ่งมาจัดที่เมืองมายอร์กา ต่อหน้าผู้เข้ามาชมรายการชาวสเปนที่ดูนักร้องขวัญใจ งานนี้เริ่มด้วยการที่เธอนั่งรถม้าพร้อมกับแต่งชุดสบายๆ แต่ดูลุ่มล่ามที่สำคัญหากสังเกตดีๆ ''เจโล'' ไม่ได้สวมชุดชั้นในป้องกันปทุมถันโชว์จุกเลย
    
ขณะที่ลงจากรถม้าสัญญาณอันตรายว่าโลเปซมีสิทธิ์ได้โชว์เสียวออกมา ทันที เมื่อชุดเจ้ากรรมไม่รักดีโดนลมพัดทีก็บานสะพรั่ง จนเกือบโชว์ของลับด้านล่าง ดีที่นักร้องสาวคว้าชายกระโปรงทัน แต่ดันลืมปิดช่วงบน งานนี้ของดีก็เลยโผล่ออกมาให้ยลกันเต็มสองตา บรรดาหนุ่มที่ร่วมชมรายการถึงกับกลืนน้ำลาย เพราะไม่คิดว่าจะได้เห็นหน้าอกคนดังระดับโลกแบบนี้ แต่หลังจากโชว์เสียวพอหอมปากหอมคอ ''เจโล'' ก็ยังมีสปิริตสูงนั่งให้สัมภาษณ์พร้อมตบท้ายด้วยการขับกล่อมลูกคอเอาใจแฟนเพลงแบบพอหอมปากหอมคอ

เศรษฐีจ่าย138ล้านประมูล ''ชุดมาริลีน''

เด็บบี้ เรย์โนลด์ อดีตนักแสดงชื่อดังวัย 79 ปี นักสะสมของที่ระลึกในวงการภาพยนตร์ ตัดสินใจนำของสะสมแห่งความทรงจำกว่า 600 ชิ้น ออกมาประมูล หนึ่งในนั้นรวมถึงชุดสวยที่ มาริลีน มอนโร ดาราดาวค้างฟ้าผู้ล่วงลับ สวมใส่ในฉากคลาสสิก ''กระโปรงเปิด'' จากหนังฮิตเรื่อง ''The Seven Year Itch'' ปี 1995 ที่มีเศรษฐีนิรนามใจป้ำประมูลไปไว้ครอบครองในราคากว่า 4.6 ล้านดอลลาร์ (ราว 138 ล้านบาท)

นอกจากชุดของมาริลีนแล้ว ชุดขาว-ดำ ที่เรียบร้อยกว่า ที่ ออเดรย์ เฮ็ปเบิร์น สวมเล่นหนังเรื่อง ''My Fair Lady'' ก็ถูกประมูลไปในราคาสูงถึง 3.7 ล้านดอลลาร์ (ราว 111 ล้านบาท) แต่หากรวมค่าธรรมเนียมต่างๆ ที่ต้องจ่ายให้ทางสำนักประมูลแล้ว ชุดของมาริลีนจะมีราคาสูงขึ้นเป็น 5.6 ล้านดอลลาร์ (ราว ล้านบาท) ขณะที่ชุดของออเดรย์ จะอยู่ที่ตัวเลข 4.5 ล้านดอลลาร์ (ราว ล้านบาท)
    
ฉากคลาสสิกดังกล่าวของมาริลีนในหนังของผู้กำกับ บิลลี่ ไวล์เดอร์ กลายเป็นชอตที่ไม่มีใครไม่เคยเห็น เมื่อ มาริลีนในชุดเดรสสวยไปยืนคร่อมตะแกรงรถไฟใต้ดิน ที่พอรถไฟวิ่งมาจะเกิดลมพัดทำให้ประโปรงเธอเปิดโชว์ความเซ็กซี่อย่างน่า อัศจรรย์ ส่วนของอื่นๆ ที่ถูกนำมาประมูล ก็จะมีอาทิ กีตาร์ตัวที่ จูลี่ แอนดรูว์ส เล่นในหนัง ''The Sound of Music'' ถูกประมูลในราคา 140,000 ดอลลาร์ (ราว 4.2 ล้านบาท) ขณะที่เครื่องประดับศีรษะที่ อลิซาเบธ เทย์เลอร์ สวมใน ''Cleopatra'' ได้ราคา 100,000 ดอลลาร์ (ราว 3 ล้านบาท)      
    
เรย์โนลด์ เริ่มต้นการเป็นนักสะสมเมื่อ 40 ปีก่อน จากการตระเวนตามงานประมูลที่เหล่าสตูดิโอหนัง ทั้ง เอ็มจีเอ็ม และ ฟ็อกซ์ จัดขึ้น จนเธอมีของสะสมมากกว่า 3,500 ชิ้น แต่การนำของมาประมูลก็ทำลายความฝันของเธอเช่นกัน โดยกาสิโนกึ่งโรงแรมกึ่งพิพิธภัณฑ์ของสะสมของเธอที่ ลาส เวกัส ปิดตัวลง และเธอวางแผนย้ายพิพิธภัณฑ์ไป เทนเนสซี่ แต่จากการเปิดเผยของ ท็อดด์ ฟิชเชอร์ ลูกชายของเธอบอกว่าเพื่อรับประกันโปรเจกต์จากการล้มละลาย พวกเขาต้องขายของสะสมเพื่อสร้างความพอใจให้ธนาคารผู้ให้เครดิต

แฟนโห่ไล่"ไวน์เฮาส์" เมาแอ๋ขึ้นคอนเสิร์ต ยกเลิกทัวร์อลหม่าน

อนาคตมืดหม่นลงทุกที เอมี่ ไวน์เฮาส์ นักร้องสาวโซลชาวอังกฤษ ถูกแฟนเพลงชาวเซอร์เบีย โห่ไล่ระงมหลังจากเมาแอ๋หมดสภาพขึ้นแสดงคอนเสิร์ต ที่กรุงเบลเกรด เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา เดือดร้อนทีมจัดการของเธอต้องตัดสินใจประกาศยกเลิกการทัวร์ที่ตุรกี และกรีซ ในสัปดาห์นี้ เนื่องจากหวั่นใจว่าสถานการณ์อาจเลวร้ายจนควบคุมไม่อยู่

ไวน์เฮาส์ วัย 27 ปี ประเดิมการทัวร์ยุโรป 12 รอบของเธอ ที่คาเลเมจเดน พาร์ค ในกรุงเบลเกรด ประเทศเซอร์เบีย เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา โดยคลิปที่ผู้ชมถ่ายนำมาลงในเว็บไซต์ YouTube จะเห็นว่าเธอเดินเมาเป๋ออกมาจากด้านหลังเวที แล้วมาทรุดตัวนั่งบนลำโพงหันหลังให้คนดู จนต้องให้คอรัสหนุ่มเข้ามาช่วยพยุง ก่อนที่วงแบ็กอัพจะเริ่มอินโทรเพลง ''Just Friends'' แต่เธอร้องแบบคนเมาจนฟังเนื้อร้องไม่ออก และเปลี่ยนมาเป็นร้องกึ่งพูดแทนในช่วงกลางจนกระทั่งจบเพลง
    
ตลอด 90 นาทีของโชว์ ไวน์เฮาส์ ที่ทำไมโครโฟนหล่น หยุดร้องเป็นช่วงๆ และเดินกลับเข้าไปด้านหลังเวที 2-3 รอบ ปล่อยให้คอรัส และวงแบ็กอัพแก้ไขสถานการณ์ตามยถากรรม โดยคลิปวิดีโอคอนเสิร์ตใน YouTube บางอัน จะได้ยินเสียงโห่ของผู้ชมกว่า 20,000 คนที่บางรายสุดทนตะโกนเปลี่ยนชื่อเธอจาก ''เอมี่'' ให้เป็น ''แชมมี่'' (น่าละอายใจ)
    
ทำให้บรรดาสื่อเซอร์เบีย รุมกระหน่ำนักร้องสาวชาวเมืองผู้ดีแบบจมดิน โดยหนังสือพิมพ์เดอะ บลิช พาดหัวว่า ''คอนเสิร์ตที่ย่ำแย่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของเบลเกรด'' หลังจากแฟนเพลงหลายคนต้องเสียเงินซื้อตั๋วที่มีราคา 40 ยูโร (ราว 1,700 บาท) ทั้งที่รายได้เฉลี่ยต่อเดือนในประเทศของพวกเขาอยู่ที่ 300 ยูโร (ราว 13,000 บาท) เท่านั้น อีวาน่า บิลิช 1 ในผู้ชมคอนเสิร์ต ระบายความไม่พอใจกับนักข่าวว่า ''มันเลวร้ายมาก เธอควรจะยกเลิกการแสดงทั้งหมดมากกว่าปรากฏตัวในสภาพแบบนั้น''
    
ความล้มเหลวในการพยายามคัมแบ็กของนักร้องสาวที่อัลบั้ม ''Back to Black'' เคยคว้า 5 รางวัลแกรมมี่ อวอร์ดส์ ในปี 2008 ทำให้เอาต์ไซด์ ออร์แกไนเซชั่น บริษัทพีอาร์ของเธอ ออกมาประกาศยกเลิกการแสดงที่นครอิสตันบูล ประเทศตุรกี ในวันจันทร์ที่ 20 มิถุนายนนี้ และกรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ ในอีก 2 วันข้างหน้า
    
แถลงการณ์ที่ถูกส่งออกมาเผยว่าทีมงานจะพยายามแก้ไขปัญหาเร็วที่สุด เท่าที่จะเป็นไปได้ โดยคอนเสิร์ตต่อไปของเธอจะกลายเป็นที่บิลเบา ประเทศสเปน ในวันที่ 8 กรกฎาคม ก่อนจะปิดทัวร์ที่กรุงบูคาเรสต์ ประเทศโรมาเนีย ในวันที่ 15 สิงหาคม พร้อมขอโทษบรรดาแฟนเพลงใน 2 ประเทศที่ต้องแคนเซิลคอนเสิร์ตไป ''เรารู้สึกว่ามันเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ถึงจะมีความเชื่อมั่นว่าเธอต้องการทำหน้าที่ครั้งนี้ให้สมบูรณ์แบบ แต่เธอยอมตกลงกับฝ่ายจัดการที่จะไม่แสดงเพื่อสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับตัวเธอ และเดินทางกลับบ้าน''
    
หลังจากซิงเกิล ''Rehab'' และ ''Back to Black'' กลายเป็นเพลงฮิตขึ้นชาร์ตทั่วโลก ในปี 2007 ไวน์เฮาส์ เริ่มมีปัญหาติดเหล้า และยาเสพติดที่เริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ หลังจากเธอได้ เบล็ค ฟีลเดอร์-ซีวิล มาเป็นสามี ในปี 2007 และเพิ่งถูกส่งตัวเข้ารับการบำบัดอาการติดแอลกอฮอล์ ในคลินิกที่กรุงลอนดอน เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา จนทำให้ระหว่างทัวร์ครั้งนี้ทีมงานต้องคุมเข้มสั่งให้เจ้าหน้าที่โรงแรมทุก แห่งเก็บเครื่องดื่มมึนเมาออกจากห้องของเธอ และผู้ติดตาม แต่ท้ายที่สุดเธอก็เมาปลิ้นอยู่ดี

"เชอรีล-โคล"ลมหวน ลือแอบสวีตข้ามคืน

ส่อแววเข้าตำราคู่แล้วไม่แคล้วกัน "นิวส์ ออฟ เดอะ เวิลด์" หนังสือพิมพ์แท็บลอยด์ชื่อดังของ อังกฤษ อ้างแหล่งข่าวใกล้ชิดระบุว่า เชอรีล โคล นักร้องม่ายสาวชื่อดัง ได้กลับไปใช้เวลาค่ำคืนหนึ่งร่วมกับ แอชลี่ย์ โคล แบ็กซ้ายของ เชลซี ทีมฟุตบอลยักษ์ใหญ่ศึกพรีเมียร์ลีก ที่เรือนหอเก่า มูลค่า 5 ล้านปอนด์ (ราว 250 ล้านบาท) ของพวกเขาในย่านโกดัลมิ่ง เมืองเซอร์รี่ย์ ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะอังกฤษ

ทั้งสองคนหย่ากันเมื่อเดือน ส.ค.ปีที่แล้ว เพราะ เชอรีล นั้นทนความเจ้าชู้ไก่แจ้ของสามีไม่ไหว แต่หลังจากต่างฝ่ายต่างหาคนรู้ใจใหม่ไม่ได้ ก็มีแววกลับมาลองอยู่กันอีกครั้ง โดยแหล่งข่าวเผยว่า "พวกเขาบอกว่า มันเป็นคืนที่พิเศษ พวกเขารำลึกถึงช่วงเวลาเก่าๆ อย่างการเล่นน้ำในสระ และกินดื่มกันเล็กน้อย ไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดอะไรเลยระหว่างพวกเขาทั้ง 2 คน ทั้งคู่ดูเหมือนจะอยู่ด้วยกันอย่างสบายใจมาก"
    
อย่างไรก็ดี ไม่มีการยืนยันว่าทั้งคู่นอนในห้องเดียวกันหรือไม่ ก่อนที่วันต่อมา ฟูลแบ็กทีมชาติอังกฤษ จะบินไป สหรัฐฯ เพื่อใช้เวลาในช่วงวันหยุดพักผ่อน หลังกรำศึกหนักค้าแข้งมานานหลายเดือน แน่นอนว่า เพื่อนของทั้งคู่ย่อมประหลาดใจ แต่ก็มีบางกระแสคิดว่า เชอรีล อยู่ในช่วงต้องการใครสักคน หลังจากถูกปลดออกจากการเป็นกรรมการในรายการ เอ็กซ์ แฟ็กเตอร์ ฉบับอเมริกัน
    
แหล่งข่าววงในกล่าวว่า "ชีวิตของเชอรีล กลับตาลปัตร เมื่อไม่กี่เดือนก่อนเธอยังมีความสุขกับดีเร็ค และคิดว่าเธอจะเป็นซูเปอร์สตาร์ในอเมริกา แต่ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว เธอรู้สึกไม่มั่นคงอย่างมาก และ แอชลี่ย์ สามารถมอบความสบายใจและความมั่นคงให้เธอได้ เธอรู้สึกสับสนกับอนาคตของเธอ และต้องการเวลาเพื่อหลบหนีหายไปสักพัก และคิดไตร่ตรอง เธอรู้ว่า แอชลี่ย์ กำลังจะออกไปพักผ่อน มันจึงสมเหตุสมผลที่จะไปอยู่ที่นั่น"
    
"พวกเขาใช้เวลาค่ำคืนอยู่ด้วยกัน และเป็นไปด้วยดี ใครจะรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นหลัง แอชลี่ย์ กลับมาจากวันหยุดแล้ว ที่นั่นเป็นบ้านในฝันของ เชอรีล เธอเคยฝันว่าจะใช้ชีวิตที่นั่นร่วมกับ แอชลี่ย์ และพาครอบครัวไปอยู่ด้วย" เพื่อนของ เชอรีล กล่าว

"จิน" มีลูกติด "หนิง" ไม่แคร์รอฤกษ์วิวาห์

หลังจากที่ไฮโซหนุ่ม ''จิน'' จรินทร์ ธรรมวัฒนะ ทำเซอร์ไพรส์ขอนางร้ายสาว ''หนิง'' ปณิตา พัฒนาหิรัญ แต่งงานบนเรือหรูกลางแม่น้ำเจ้าพระยาแบบฟ้าแลบทั้งที่เพิ่งคบกันได้ไม่นาน แถมล่าสุดฝ่ายชายก็มีข่าวออกมาว่าเคยมีภรรยาพร้อมลูกติดมาอีก 1 คน งานนี้ดาราสาวจะว่าเยี่ยงไร
ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้มีโอกาสเจอดาราสาวที่มาร่วมบวงสรวงละคร มุขเหลี่ยมเพรช ที่ บ.เป่า จิน จง ย่านแจ้งวัฒนะ เมื่อวันก่อน จึงรีบข้าไปอัพเดตถึงข่าวคราวงานวิวาห์ครั้งนี้นั้นคืบหน้าไปถึงไหนแล้ว
   
''ตอนนี้ยังไม่ได้มีอะไรคืบหน้าเลย ผู้ใหญ่ยังไม่ได้คุยกันเลยค่ะ ก็รอผู้ใหญ่คุยกันก่อน สำหรับหนิงเองอยากให้ผู้ใหญ่คุยกันก่อน เพราะว่าในเรื่องการพูดกันเป็นระหว่างเด็ก เรื่องอย่างนี้มันเป็นเรื่องละเอียดอ่อนนะเราก็ต้องให้เกียรติผู้ใหญ่คุยกัน ก่อน''
   
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสที่แฟนหนุ่มนั้นเคยมีภรรยาพร้อมลูกติด มาอีกหนึ่งคนนั้น เกี่ยวกับเรื่องนี้ดาราสาวรู้สึกอย่างไรบ้าง ซึ่งสาวหนิงก็รีบชี้แจงทันทีว่า

 ''ถ้าเรื่องของจิน หนิงว่าเร็วๆ นี้ได้เจอจินด้วยกัน เดี๋ยวถามจินดีกว่าถ้าเป็นเรื่องของเค้าให้เค้าเป็นคนตอบจะเหมาะกว่า โดยส่วนตัวแล้วหนิงก็ทราบ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นให้จินตอบดีกว่า ถ้าถามว่ารับได้ไหมมองในแง่ส่วนตัวที่เราเป็นผู้หญิงคนนึงเหมือนกันเรื่อง มันจะเกิดขึ้นไปด้วยประการใดทั้งปวงเอาเป็นว่าถ้าความคิดเห็นหนิงคือทำยังไง ก็แล้วแต่ให้เด็กได้สมบรูณ์ที่สุดแล้วก็ไม่มีปัญหา เพราะเด็กคือสิ่งที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยคือคนที่บริสุทธิ์ที่สุดทำยังไงก็ ได้ให้เค้าสมบรูณ์ที่สุด''
   
ต่อข้อซักถามที่ว่าดาราสาวนั้นไม่แคร์ที่จะต้องทำการแต่งงานและใช้ ชีวิตกับพ่อหม้าย ซึ่งดาราสาวเองก็รีบแจกแจงทันทีว่า

''จริงๆ ใช้คำว่าพ่อหม้ายก็ไม่ใช่นะ เพราะจริงๆ เดี๋ยวให้จินเป็นคนตอบคำถามจะเคลียร์อะไรหลายๆ อย่าง แต่ถ้าสำหรับตัวหนิงเองถ้าไม่มีใครมาทำอะไรหนิงหรือมากระทบหนิงก็โอเคค่ะ''
   
ต่อมาผู้สื่อข่าวถามต่อไปว่ามีข่าวออกมาว่าไฮโซหนุ่มนั้นกำลังจะ เดินทางไปที่ประเทศอินเดีย เพื่อที่จะบวชนั้นตัวของสาวหนิงเองจะไปร่วมงานบวชในครั้งนี้หรือไม่ ซึ่งดาราสาวก็เผยว่าตนจะเดินไปทางไปด้วยแน่นอน

''จินคงจะบวชประมาณวันที่ 23 ก.ค. ค่ะไปบวชที่อินเดียน่าจะประมาณ 1 เดือนถึง 45 วันยังไม่มีฤกษ์สึกค่ะ''
   
จากนั้นผู้สื่อข่าวถามถึงอดีตคนเคยรักอย่าง ''บิ๊ก'' ศรุต วิจิตรานนท์ ได้ออกมาประกาศว่ากำลังจะวิวาห์กับแฟนสาวนอกวงการ เกี่ยวกับเรื่องนี้สาวหนิงจะว่าอย่างไร

''ก็ดีใจกับเค้าด้วย พี่บิ๊กหน้าจะได้ฤกษ์มาแล้วแต่ให้พี่เค้าบอกเองดีกว่าถ้าจะให้หนิงมาบอกฤกษ์ เค้าก็คงจะไม่เหมาะ แต่คิดว่าน่าจะแต่งภายในปีนี้ค่ะ''

ประกาศหาชายรักจริง "ใหม่" ลั่นเปล่านิยมตีฉิ่ง

ถึงจะเป็นสาวเซ็กซี่ขวัญใจหนุ่มๆ หลายคน แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่ให้ร็อกเกอร์สตาร์สาว ''ใหม่ เจริญปุระ'' ตกลงปลงใจรับใครเป็นหวานใจตัวจริงซักที จนล่าสุดมีภาพหลุดเดินควงสาวหล่อ แต่งานนี้หนุ่มแท้ไม่ต้องตกใจว่าจะต้องเสียดุลไปให้ชายเทียมอีกคน เพราะสาวใหม่ยืนยันออกมาแล้วว่าสาวหล่อคนดังกล่าวเป็นเพียงน้องคนหนึ่งที่ สนิทกันเท่านั้น และตนก็ยังชอบชายแท้อยู่ แถมท้าด้วยว่าหากชายใดคิดว่าดีใจก็มาพิสูจน์หัวใจได้
     
''ตอนนี้ไม่มีเวลาให้หัวใจเลยค่ะ เพราะหัวใจตัวเองเรายังไม่ค่อยได้ดูเลย แต่ตอนนี้ใจเต้นแรงมาก เพราะไปเห็นหนังสือ ก็มีเรื่องน้องคนนึงที่สนิทกัน แล้วเขาก็เป็นลูกเจ้าภาพที่จ้างใหม่ไปเล่นคอนเสิร์ตที่ต่างประเทศด้วย ปรากฏเราเห็นเขาในหนังสือ เราก็เฮ้ยอี๊ด ไปอยู่ในนี้ได้ยังไง กลายเป็นแบบดูเหมือนหวานใจใหม่ แต่ใหม่ขอบอกเลยว่าไม่ใช่นะคะ''
   
''จริงๆ ใหม่ก็มีสาวหล่ออยู่ 3 คนค่ะ ที่เป็นทีมงานของใหม่ ไม่ใช่หวานใจค่ะ พอดีใหม่มีเพศที่ 3 เพศที่ 4 อยู่รอบตัว โดยเฉพาะสาวหล่อเพราะอย่างนี้ไงเลยไม่มีหนุ่มๆ แต่ใหม่ว่าหนุ่มๆ ใจไม่เข้มแข็งพอมากกว่ามั้ง เพราะถ้าใจเข้มแข็งพอและแน่จริงตัวจริงก็ต้องกล้าพิสูจน์ตัวเอง ใหม่คิดว่าผู้หญิงจริงๆ ก็เกิดมาเพื่อผู้ชายแหละ แต่ถ้าเจอผู้ชายที่ไม่ดีเราก็ดูแลตัวเองได้นะ ดีกว่ามั้ย แต่ถามว่ามีใครมาจีบไหม คือช่วงนี้ใหม่ยังเป็นบัวไม่พ้นน้ำค่ะ ยังไม่สามารถไปไหนได้ ก็พูดตามตรงว่า รักงานมาก และก็ดีใจที่มีงานดีๆ เข้ามา ก็เลยยังไม่มีโอกาสเปิดโอกาสให้ใครเข้ามาเลยค่ะ ใหม่ก็ขอฝากบอกสื่อมวลชนก็ยังชอบผู้ชายอยู่ หนุ่มๆ เขาก็ไปคบกันเองหรือเปล่า ยังไงก็เชิญมาแถวทองหล่อได้นะคะ ใหม่ทองหล่อ (หัวเราะ)''
   
อัพเดตหัวใจกันไปแล้ว มาถึงเรื่องงานกันบ้าง ซึ่งสาวใหม่แย้มว่า ประมาณเดือนสิงหาคมนี้ จะมีการจัดแสดงนิทรรศการ ''ครบรอบ 27 ปี ใหม่ เจริญปุระ'' ซึ่งเป็นการรวบรวมผลงานเพลงของตัวเองตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน โดยอยากขอบคุณแฟนเพลงและสื่อมวลชนที่ทำให้อยู่ในวงการมาได้ถึงขนาดนี้ อีกทั้งปลายปียังมีคอนเสิร์ตเดี่ยวของตัวเอง รวมไปถึงเตรียมออกหนังสือพ็อกเกตบุ๊ก และเป็นแขกรับเชิญให้ซูเปอร์สตาร์ดาวค้างฟ้าอย่าง ''เบิร์ด'' ธงไชย แมคอินไตย์ อีกด้วย
       
''เร็วๆ นี้ใหม่ก็จะมีนิทรรศการ ครบรอบ 27 ปี ใหม่ เจริญปุระ ที่ เซ็นทรัลเวิลด์จะเป็นการจัดโปรไฟล์ของใหม่ และขอบคุณพี่ๆ สื่อมวลชนทั่วประเทศไทย ซึ่งนิทรรศการจัดขึ้นในวันที่ 22-24 สิงหาคม 3 วันค่ะ ส่วนคอนเสิร์ตก็จะมีก่อนสิ้นปี เป็นคอนเสิร์ตใหญ่ คือตอนนี้พูดตามตรงกำลังประชุมกันอยู่ เพราะว่าใหม่กำลังจะมีคอนเสิร์ตใหญ่ขึ้นกับ ''พี่เบิร์ด ธงไชย'' ด้วย 3 รอบด้วยกัน คอนเสิร์ตเดี่ยวตัวใหม่ด้วยสิ้นปี และก็จะมีเปิดนิทรรศการ เปิดพ็อกเกตบุ๊กตัวใหม่ด้วย ตอนนี้ก็งานก็เยอะอยู่ คงคิดว่าทำทีละอันก่อน อันแรกคงจะเป็นงานสิงหาคมนี้เปิดตัวนิทรรศการนี้แหละค่ะ'' ใหม่กล่าว

เบี้ยวงานเพราะป่วย "ซูซี่" รับเคยทะเลาะ "หลุยส์" แต่เคลียร์แล้ว

ท่าทางจะงานเข้า ''ซูซี่'' สุษิรา แอนจิลีน่า นางเอกสาวลูกครึ่งหน้าใหม่แห่งวิก 3 ซะแล้ว เพราะหลังจากที่มีข่าวว่าโดน 2 พระเอกหนุ่มร่วมวิก อย่างนาย หลุยส์ สก็อต และ ''สมาร์ท'' กฤษฎา พรเวโรจน์ แบนอย่างหนัก เหตุเพราะเรื่องเยอะในกองละคร แม้ทั้ง 2 หนุ่มจะออกมาพูดผ่านสื่อไปแล้วว่า ไม่จริงและไม่ได้ร่วมมือกันแบนนางเอกสาวอย่างที่เป็นข่าว แต่หลายคนก็ยังคงคาใจกับประเด็นดังกล่าวที่เกิดขึ้นว่า จริงหรือไม่อย่างไร เพราะความเรื่องมากของนางเอกสาวนั้นโดนปูดขึ้นมาตอกย้ำอีกครั้ง เมื่อมีวงในเล่าให้ฟังว่า สาวเจ้าเบี้ยวอัดรายการๆ หนึ่งถึง 2 ครั้ง 2 ครา จนเป็นที่น่าระอาใจต่อทีมงานที่ร่วมงานด้วย
   
ล่าสุดเมื่อคืนวันที่ 20 มิ.ย. 54 ที่ผ่านมานั้น นางเอกสาวซูซี่ที่กำลังมีประเด็นนั้นเดินทางมาเป็นแขกรับเชิญในงานเปิดตัว แอบโซลูท วอดก้า ลิมิเต็ด อิดิชั่น ที่ชั้น 8 โรงแรมศิวาเทล ผู้สื่อข่าวจึงได้ถามไถ่ถึงกรณีดังกล่าว ซึ่งสาวซูซี่ก็ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า คุยกับพระเอกหลุยส์แล้ว แต่ไม่ถึงกับมีปัญหาจนต้องขอโทษอะไรกัน พร้อมทั้งปฏิเสธเรื่องมากในกองถ่ายว่าไม่เป็นความจริง
   
''ซี่ไม่ได้อ่านว่าหลุยส์พูดว่าอะไรบ้าง แต่มีคุยกันแล้ว ก็ถามว่าเห็นข่าวรึยัง หลุยส์ก็บอกเห็นแล้ว ก็ไม่ต้องไปคิดอะไรมากไม่มีอะไร คือเหมือนกับว่าทุกคนมีความแตกต่างกันของแต่คนละ มันก็มีบ้างที่แบบเข้าใจไม่ตรงกัน แต่เคลียร์กันแล้วไม่มีอะไรค่ะ ก็ไม่ต้องขอโทษอะไรค่ะ ในกองไม่มีอะไรเลย คนในกองรักกันดีค่ะ ทำงานเป็นครอบครัวกัน ทุกคนสนับสนุนงานที่ทำให้ประสบความสำเร็จ (คนพูดกันว่าซูซี่จะไม่ชอบรอ มาปุ๊บต้องถ่ายเลย?) ไม่นะคะ คือซี่ต้องมาก่อนอยู่แล้ว เพราะต้องมาแต่งหน้า มาเตรียมบท เพราะซี่เป็นนางเอกก็มีบทเยอะค่ะ อาจจะมีบ้างครั้งสองครั้ง คือเป็นวันที่ซี่เลตโดยที่ควบคุมไม่ได้ค่ะ คือป่วยค่ะ ตอนนี้ซูซี่ก็ปรับเรื่อยๆ ค่ะ พัฒนาตัวเองให้มากที่สุดค่ะ (จำเรื่องที่เคยเคลียร์ปัญหากับหลุยส์ได้ไหม?) จำไม่ได้เหมือนกัน เป็นเรื่องที่เล็กมาก ใช่คือหลุยส์กับซี่ก็โอเคไม่มีอะไรกัน สบายๆ ข่าวที่เกิดขึ้นก็ไม่ได้มีผลกระทบอะไรกับงานนะคะ เป็นข่าวลือมากกว่า''
   
ต่อคำถามที่ว่า นางเอกสาวซูซี่นั้นเบี้ยวอัดรายการๆ หนึ่ง จนทำให้ทางทีมงานและรายการนั้นเสียหาย นางเอกสาวก็ได้แจงให้ฟังว่า ที่ไปไม่ได้ในครั้งแรกนั้นเป็นเพราะตนเองไม่สบาย ซึ่งเป็นเรื่องที่อยู่เหนือการควบคุม
   
''ไม่จริงค่ะ ถ่ายรอบเดียวนะ คือวันนั้นซี่แจ้งทางรายการไปแล้วว่า วันนั้นซี่ไปไม่ได้จริงๆ เพราะป่วยเป็นไข้สูงหนักมากค่ะ นอนอยู่บ้านทั้งวันเลย ก็ถือว่าการเจ็บป่วยอยู่นอกเหนือการควบคุมของคนเรานะ ซี่ก็ทำอะไรไม่ได้ ซี่ก็ขอโทษ จริงๆ นะคะ แบบไม่ไหวจริงๆ ค่ะ ก็โทร.ไปเคลียร์ค่ะ ตอนนี้ซี่ก็ไม่มีคิวไปถ่ายแล้ว ซี่ว่าคนที่พูดแบบนี้คือไม่รู้จักซูซี่ ไม่เคยทำงานกับซูซี่ คนที่เคยทำงานกับซูซี่ จะรู้เป็นคนตรงต่อเวลา เออ ตั้งใจกับงานมากๆ ซีเรียสกับงาน จริงจังกับงานมากๆ ค่ะ การเป็นโปรเฟสชันนัลสำคัญแน่นอนที่สุดในการทำงานของซูซี่ เรื่องที่คนลือแบบนี้ซี่ว่ามันเป็นสิ่งห้ามไม่ได้อยู่แล้ว รู้แค่ว่าอะไรคือความจริง ซี่ทำอะไรไม่ได้หรอก ไม่หรอกค่ะไม่ท้อ มันทำให้ซี่ต้องสู้ต่อไป ก้าวต่อไปค่ะ'' ซูซี่กล่าว

โรคจิตส่องก.ก.น. "จ๋าดาวกระจาย"

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อช่วงเวลาประมาณ 14.00 น. ของวันที่ 21 มิ.ย. 54 ''น.ส.รัชดาภรณ์ อนัคฆมณี'' หรือที่รู้จักกันในนาม ''จ๋า ดาวกระจาย'' พิธีกรและนักข่าวชื่อดังในรายการบันเทิง ''ดาวกระจาย'' ทางโมเดิร์นไนน์ ทีวี ได้เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ทุ่งมหาเมฆ ว่าถูกผู้ชายโรคจิตเดินตามถ่ายภาพวิดีโอใต้กระโปรงระหว่างที่ตนเองกำลังเดิน ซื้อของอยู่ที่ซ.ละลายทรัพย์ ย่านสีลม
   
จากการสอบสวนตัวผู้ต้องหาชื่อว่า ''นายภาพันธุ์ หิตะพันธ์'' อายุ 47 ปี อ้างว่าทำงานอยู่ฝ่ายสินเชื่อของธนาคารแห่งหนึ่ง ลักษณะแขนซ้ายเข้าเฝือกอยู่เพราะขับรถล้ม ซึ่ง ''นายภาพันธุ์ได้รับสารภาพว่าได้เป็นผู้ถ่ายภาพวิดีโอใต้กระโปรงพิธีกรสาว ''จ๋า ดาวกระจาย'' จริงและก่อนหน้านี้ก็เคยกระทำการดังกล่าวด้วยการตระเวนถ่ายใต้กระโปรง ผู้หญิงย่านสีลมมาแล้วกว่า 10 คน เป็นการถ่ายไว้เพื่อดูคนเดียวไม่ได้ไปเผยแพร่ที่ไหน และก็ก็ไม่คิด ว่าจะถูกจับได้ ซึ่งกล้องวีดีโอก็จะพกติดตัวไว้ตลอดเพราะเป็นกล้องขนาดพกพากว้า 3 นิ้ว ยาว 7 นิ้ว ซื้อมาจากพันธุ์ทิพย์ราคา 7 พันบาท พร้อมกันนี้ ''นายภาพันธุ์'' ยังได้กล่าวอีกด้วยว่า ตนเองมีภรรยาแล้วและมีลูกสาววัย 17 ปี แต่ก็ยังมีพฤติกรรมชอบแอบดูของคนอื่น
   
ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้บอกกับผู้สื่อข่าวว่า ''นายภาพันธุ์'' ซึ่งเป็นผู้ต้องหาได้ยอมรับสารภาพว่าเป็นผู้ลงมือกระทำเหตุดังกล่าวจริง พร้อมกันนี้ในกล้องวิดีโอของ ''นายภาพันธุ์'' ยังพบภาพผู้หญิงอีก 3 คนที่ถูกถ่ายใต้กระโปรงเช่นเดียวกับ ''จ๋า ดาวกระจาย'' อีกด้วย ซึ่งในเบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหากระทำการอันควรขายหน้าต่อธารกำนัล หรือกระทำการลามกอย่างอื่น และกระทำการอันเป็นการรังแกหรือข่มเหงผู้อื่นหรือกระทำให้ผู้อื่นได้รับความ อับอาย และเดือดร้อนรำคาญ จึงได้ทำการเปรียบเทียบปรับเป็นเงิน 500 บาทและให้ลบภาพในกล้องก่อนที่จะปล่อยตัวผู้ต้องหากลับไป
   
ทางด้านนักข่าวสาวและพิธีกรชื่อดัง ''จ๋า ดาวกระจาย'' ได้ให้เล่าเหตุการรณ์ขณะเกิดเหตุดังกล่าวว่า
   
''คือเมื่อเช้าจ๋าไปทำข่าวแถวๆ สีลมแล้วหลังเสร็จงานก็กำลังเดินออกมาจากซ.ละลายทรัพย์ สีลม ซึ่งตอนนั้นมันเป็นช่วงเที่ยวพอดี เหมือนพักเที่ยง คนเยอะมาก เบียดกันมากๆ ด้วย แล้วระหว่างที่เดินๆ อยู่ก็มีผู้หญิงคนนึงเดินเข้ามาบอกว่าน้องๆ ถูกแอบถ่ายใต้กระโปรง จ๋าก็หันไปถามเค้าว่าคนไหนถ่าย เค้าก็เลยชี้ไปที่ผู้ชายคนนั้น จ๋าก็เลยเดินเข้าไปหาแล้วกระชากที่สายคล้องแขนผู้ชายคนนั้น ก็เห็นในมือถือกล้องคล้ายๆ เป็นรูปโทรศัพท์อยู่ ก็เลยดึงกล้องออกมาจากมือของผู้ชายคนนั้น ซึ่งตอนนั้นเค้าปฏิเสธ แต่พอเปิดดูเห็นว่าเป็นกระโปรงของจ๋าจริง เป็นภาพเคลื่อนไหว ก็เลยเรียกขอบัตรประชาชน แล้วก็ตะโกนเรียกพี่สิน (ช่างภาพดาวกระจาย) ให้พาไปหารปภ.ตรงนั้นพอดี แล้วรปภ.ก็พาตัวมาที่สน. ซึ่งจ๋าเอาเรื่องนะ จ๋าไม่ยอมเด็ดขาด คิดว่าโดนดำเนินคดีเท่านั้นมันน้อยไปนะ'' จ๋า ดาวกระจาย กล่าว

''นุ่น'' จ่อลาวงการเตรียมปั๊มทายาทให้ ''ต๊อด''

ครองคู่แต่งงานสุดหวานมาได้สักพักหนึ่งแล้ว สำหรับคู่ของนางเอกสาวหน้าหวาน ''นุ่น'' วรนุช ภิรมย์ภักดี กับสามีไฮโซหนุ่ม ''ต๊อด'' ปิติ ภิรมย์ภักดี แต่ก็ยังไม่มีทายาทตระกูล ''ภิรมย์ภักดี'' ออกมาให้ชื่นชมเสียที เพราะ ''สาวนุ่น'' และ ''หนุ่มต๊อด'' ต่างก็ยังทำงานหนักด้วยกันทั้งคู่จึงทำให้ไม่ค่อยมีเวลาสักเท่าไร แถมก่อนหน้านี้ ''หนุ่มต๊อด'' ก็ได้ออกมาตัดพ้อภรรยาสาวด้วยว่าให้งดรับงาน เพราะอยากมีลูกเต็มแก่แล้วอีกด้วย
    
ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้รับรายงานข่าวจากแหล่งข่าววงในแจ้งเข้ามาว่า อีกไม่นานนี้แฟนคลับของนางเอกสาว ''นุ่น-วรนุช'' อาจจะไม่ได้เห็นหน้าค่าตาของ ''สาวนุ่น'' ในแวดวงการบันเทิงสักพักหนึ่ง เพราะนางเอกสาวได้แพลนชีวิตตนเองกับกลุ่มเพื่อนสนิทไว้ว่าหลังจากที่ถ่าย ละครเรื่อง ''เส้นตายสลายโสด'' เสร็จสิ้นปุ๊บ...นางเอกคนสวยก็จะขอเก็บตัวไปพักผ่อน หรือจะเรียกว่าลางานในวงการบันเทิงไปสักพักหนึ่งเพื่อเตรียมร่างกายให้พร้อม และแข็งแรงกับการที่จะมีทายาทให้สามีไฮโซ ''ต๊อด-ปิติ'' ชื่นชมสมใจนั่นเอง
    
พร้อมกับนี้คนใกล้ชิด ''สาวนุ่น'' ยังได้แอบกระซิบอีกด้วยว่าช่วงนี้นางเอกสาว ''นุ่น-วรนุช'' ได้เริ่มปรึกษากับดารารุ่นพี่ที่สนิท และปรึกษาคุณหมอที่ รพ.ดังแห่งหนึ่งเพื่อขอคำแนะนำในการเตรียมความพร้อมที่จะมีทายาทในเร็วๆ วันนี้อีกต่างหาก
    
อย่างไรก็ตามแหล่งข่าวเจ้าเดิมยังได้กล่าวต่อไปอีกด้วยว่า...ก่อน หน้านี้ที่มีกระแสข่าวเม้าท์ไปพาดพิง และกล่าวหาว่าดารารุ่นน้อง ''แพม'' ปานพิมพ์ เตชะธนชัยพัฒน์ เป็นมือที่สามระหว่างทั้งคู่ ''นุ่น-ต๊อด'' นั้น ก็ไม่ได้ทำให้กระทบกับความสัมพันธ์ที่แสนหวานของทั้งคู่ ''นุ่น-ต๊อด'' เลยด้วยซ้ำ เพราะทั้งคู่ยังเติมเต็มความหวานซึ่งกันและกันอยู่ตลอดเวลา ไม่ได้มีปัญหากระทบกระทั่งหรือมีปากเสียงกันทั้งสิ้น
    
นอกจากนี้แหล่งข่าวใกล้ชิด ''สาวนุ่น'' ยังเม้าท์ต่อด้วยว่าทางฝั่งของสามีไฮโซ ''ต๊อด-ปิติ'' ดีใจอย่างมากที่ภรรยาสาวคนสวยเตรียมจะเบรกงานเพื่อแพลนการมีทายาทในครั้งนี้ แถมในครอบครัว ''ภิรมย์ภักดี'' และเพื่อนที่สนิททุกคนต่างก็เตรียมให้กำลังใจ ''สาวนุ่น'' และ ''หนุ่มต๊อด'' ให้มีทายาทเร็วๆ เพราะแต่ละคนต่างก็อยากเห็นทายาทคนแรกของ ''นุ่น-ต๊อด'' ว่าจะสวยเหมือนแม่หรือหล่อเหมือนพ่อขนาดไหน

''โก้'' เผย ''สีดา'' โผล่!ร่ำไห้อ้างลำบาก

หลังจากที่ ''โก้'' ธีรศักดิ์ พันธุจริยา แจ้งความดำเนินคดีกับนางสีดา พัวพิมล อดีตดาราซึ่งเป็นมารดาของดาราผู้ล่วงลับอย่าง ''อ๊อฟ'' อภิชาติ พัวพิมล ข้อหาฉ้อโกงเงินรวม 5.5 แสนบาท เพราะอ้างว่าจะเอาเงินไปทำละครเรื่อง ''แม่นาคพระโขนง'' ของ เจเอสแอล แต่สุดท้ายพอสอบถามไปยัง เจเอสแอล กลับได้คำตอบว่าโปรเจกต์ละครเรื่องนี้ถูกพักไว้ไม่มีกำหนด และติดต่อกับสีดาไม่ได้เช่นกัน นอกจากนั้นยังมีดารานักแสดงอีกนับสิบคนที่โดนหลอกยืมเงินไปอย่างนี้เหมือน กัน จึงเป็นเหตุทำให้โก้ตัดสินใจแจ้งความดังกล่าว
    
ล่าสุด ''โก้-ธีรศักดิ์'' ได้เดินทางมาร่วมงาน EAT PLAY LOVE ณ ศูนย์การค้าสยามดิสคัฟเวอรี่ เมื่อวันก่อน ทั้งนี้เจ้าตัวได้เผยกับผู้สื่อข่าวถึงคดีดังกล่าวว่า ตนได้รับการติดต่อจากนางสีดาแล้ว หลังจากที่ได้แจ้งความไป โดยนางสีดาได้กล่าวกับตนว่าไม่ได้หนีไปไหน อ้างทิ้งมือถือทำให้ติดต่อไม่ได้ และตอนนี้ลำบากมาก อีกทั้งยังหลบเจ้าหนี้รายอื่นอยู่
    
''ล่าสุดแม่สีดาก็โทร.มาหาเมื่อวันก่อนครับ เราก็คุยกับคุณแม่ว่าหายไปไหน เขาก็บอกว่าเนื่องจากเบอร์มือถือเครื่องเก่าเขาโยนทิ้ง ก็เลยติดต่อกันไม่ได้ แล้วเขาก็ไม่พร้อมในหลายๆ เรื่องที่จะออกมาพบเจอ สุดท้ายก็ให้เบอร์ใหม่มา แต่คุณแม่ไม่ได้พูดถึงการชดใช้หรือจะรับผิดชอบอะไรเลยครับ โทร.มาแล้วก็ร้องไห้ บอกว่าแทบไม่มีจะกินแล้วเพราะไปกู้เงินนอกระบบมาด้วย แล้วเจ้าหนี้ก็ตามมาทวงอยู่ทุกวัน เขาก็บอกว่าตอนนี้เขาค่อนข้างลำบากมาก 


เขาโทร.มาร้องไห้เหมือนตอนที่เขามาขอยืมเงินเราน่ะครับ แต่เราก็ต้องบอกคุณแม่ว่าตอนนี้มันไม่ใช่ตัวโก้คนเดียวแล้ว ยังมีเจ้าทุกข์คนอื่นๆ อีก ยังไงออกมาพูดดีกว่า พูดอะไรก็ได้ หรือทำมาหากินอย่างอื่นก็ได้ ถ้าเรายังอยู่กับที่หรืออยู่ที่มุมไหนมันก็ไม่ก่อให้เกิดรายได้ที่จะมาใช้ หนี้หรืออะไรเลย สู้ออกมาพูดคุย ยอมรับแล้วก็ทำมาหากินอย่างสุจริต ยังไงเราก็ต้องมีเงินมาใช้คนอื่นแน่ๆ ผมก็ถามนะครับว่าจะยังไง เพราะคุณแม่เขาหายไปนาน แต่ที่เขาโทร.มาไม่ใช่เพราะเขารู้จากข่าวเอง แต่เขาบอกว่ามีเพื่อนแถวบ้านมาเล่าให้ฟัง และเท่าที่คุยเขาก็บอกว่าเขาไม่ได้ออกไปไหน แต่หลบเจ้าหนี้อยู่หลายเจ้าที่บ้าน ผมก็เลยบอกว่าชีวิตคนเรามันจะหลบไปไหนไม่ได้หรอกครับ คนเราก็ต้องอยู่สู้ต่อไป ดังนั้นออกมาสู้ความจริงเถอะว่าเราทำพลาดไปหรือว่าจะแก้ไขยังไง แต่เห็นเขาบอกว่าเขาจะออกมาพูดนะครับ เพราะเขาก็มีคุยๆ กับสื่อบางสำนักอยู่เหมือนกัน''
    
ถึงอย่างไร ''โก้-ธีรศักดิ์'' ก็จะเดินหน้าดำเนินคดีต่อไป เพราะต้องการทำให้ทุกอย่างถูกต้อง อย่าใจอ่อนเพราะความสงสาร แต่ถ้ามีความจริงใจใช้หนี้ก็จะถอนฟ้อง
    
''เราก็ต้องเดินหน้าต่อไป เพราะมันก็ต้องเป็นไปตามความถูกต้อง เพราะตอนที่เสียเงินไปก็เพราะน้ำตาเขานี่แหละ ดังนั้นก็อย่าเรียกว่าใจแข็งเลย แต่ต้องทำตามความถูกต้อง ก็ถ้ามีความประสงค์ที่จะใช้มันก็ไม่มีอะไร แล้วก็ให้คุณแม่ออกมาพูดกับทางสื่อเอง ตอนนี้ก็คือรอครับ ผมก็บอกเขานะว่าเรื่องการชำระหนี้กันถ้าไม่มีปัญหาอะไร เราก็ยินดีถอนฟ้องให้ เพราะตอนนี้มันก็เป็นคดีอาญาฉ้อโกง จริงๆ ต้องมีหมายเรียกก่อน 2 ครั้งแล้วค่อยเป็นหมายจับ แต่ทีนี้ก็บอกคุณแม่ไปว่าผมออกมาพูดแล้ว ทุกคนก็ตามตัวคุณแม่อยู่ ถ้าคุณแม่มีความจริงใจหรือบริสุทธิ์ใจก็ให้ออกมาพบกับพี่ๆ สื่อครับ 


ตอนนี้ทนายของผมแล้วก็เพื่อนผมทุกคนบอกว่าโก้อย่าแพ้น้ำตานะ เพราะคราวที่แล้วไป 5 แสนกว่าก็เพราะร้องไห้นี่แหละ แต่เราก็ไม่เคยเจอ แล้วเราก็ไม่เคยต้องมาแจ้งจับใครอย่างนี้ ดังนั้นทางที่ดีที่สุดคือความถูกต้อง ผิดก็ว่าไปตามผิด ถูกก็ว่าไปตามถูกครับ แล้วตอนนี้ก็ยังมีศิลปินดาราท่านอื่นทยอยออกมาเรื่อยๆ แล้วก็บอกว่าโดนคล้ายๆ กรณีใกล้เคียงกัน ทาง สน.หัวหมาก ก็บอกว่าไม่ต้องแจ้งที่ สน.หัวหมาก เพราะว่าการที่เป็นกฎหมายอาญาพวกนี้ เราไปรับเงินที่ไหน หรือว่าส่งมอบเงินที่ไหนก็แจ้ง สน.ใกล้บ้านได้โดยไม่ต้องใช้หลักฐานอะไร ไปแจ้งไว้ได้เลยสำหรับคนที่โดนครับ ตอนนี้ตำรวจเขาก็บอกว่าเดี๋ยวเขาจะออกหมายเรียก แล้วถ้าเกิดเรียก 2 ครั้งไม่มาก็จะเป็นหมายจับ'' โก้ กล่าว

วันอังคารที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2554

เพื่อนร่วมงานเซ็ง"ติ๊น่า" เรื่องมาก-ค่าจ้างสูงกว่า

ไม่มีใครชอบคนจุกจิก จู้จี้ เรื่องมาก เลยไม่แปลกหากจะมีข่าวว่า คริสติน่า อากีเลร่า นักร้องสาวเสียงทอง กำลังทำให้เพื่อนร่วมงานเซ็ง เพราะป่วนจนเกินงาม ระหว่างบันทึกเทปรายการประกวดร้องเพลงรายการใหม่ "The Voice" ที่ หนูติ๊นา เป็นหนึ่งใน 4 กรรมการตัดสิน โดนลือกันให้แซดว่า กรรมการคนอื่นๆ อย่าง อดัม เลอวีน ฟร้อนท์แมนวง "มารูน ไฟว์" (Maroon 5) และ เบลค เชลตัน นักร้องคันทรีคนดัง ไม่ชอบนิสัยของเธอเท่าไหร่

ตามประสาคนดัง หนูติ๊นา ได้รับค่าแรงต่อตอนแพงกว่าคือ 225,000 ดอลลาร์ (ราว 6.75 ล้านบาท) เทียบกับคนอื่นๆ ซึ่งนอกจาก เลอวีน และ เชลตัน แล้วยังมี ซี โล กรีน แร็พเปอร์คนดัง อีกหนึ่ง 1 คน ได้เพียงตอนละ 75,000 ดอลล่าร์ (ราว 2.25 ล้านบาท) นอกจากนี้ เธอยังชอบเรียกร้องความสนใจ และมีคณะช่างเสริมสวย ทั้งแต่งหน้า ทำผม ยกขบวนตามมาเป็นโขยง ทำเอาคนที่นิยมความธรรมดาๆ อย่าง เลอวีน พลอยเหม็นขี้หน้า         
    
"พวกเขารำคาญเธอ ทุกครั้งที่เธอโผล่มาจะต้องมีขบวนตามมาด้วยเสมอ พวกเขานินทาเธอลับหลัง เธอเป็นหัวคนแข็ง และไม่เคยยอมใครซะด้วย" แหล่งข่าว กล่าว โดยเสริมด้วยว่า หนูติ๊นา ที่ต้องยอมรับว่า เสียงดีที่สุดแล้วในหมู่กรรมการ ไม่ค่อยมาร่วมเสวนากับเพื่อนกรรมการคนอื่นๆ เท่าไหร่ ระหว่างพักโฆษณา "พอกล้องทีวีแพนมาที่เธอ เธอจะเอาแต่พูดๆ ไม่มีหยุด ทั้งหมดเธอคิดถึงแต่ตัวเอง"
    
ไม่ใช่แค่ หนูติ๊นา คนเดียวที่ทำตัวแปลกแยก แต่ฝ่ายผลิตก็มีส่วนเพราะเล่นทำเสื้อ "Team Christina" ให้กองเชียร์นักร้องสาวอวบระยะสุดท้าย สวมในกองถ่ายที่ สตูดิโอ ซิตี้ ถึงกระนั้น แต่ละคนก็ยังมีความเป็นมืออาชีพอยู่บ้าง เพราะหลังบันทึกเทปวันอังคารที่แล้ว เบลค เชลตัน ร่วมด้วย มิรันด้า แลมเบิร์ต ราชินีเพลงคันทรีแห่งยุค หวานใจของเขา ได้จัดปาร์ตี้ขึ้น และ หนูติ๊นา ก็มาด้วย แม้มิวายสวมเสื้อ "Team Christina" ก็ตาม 

"จอสส์ สโตน"หวิดดับ! โปลิศรวบ 2 โจรใจโหด ต้องสงสัยจ้องปล้น-ฆ่า

เกิดเป็นคนดัง แถมรวยล้นฟ้า ย่อมมีโอกาสสูงที่จะตกเป็นเป้าหมายของพวกมิจฉาชีพ รายล่าสุดเป็นคิวของ จอสส์ สโตน นักร้องสาวเสียงโซลชาวอังกฤษที่เกือบโดนอุ้มฆ่า เดชะบุญเจ้าหน้าที่ตำรวจรวบตัว 2 ผู้ต้องสงสัยที่เตรียมแผนก่อเหตุอุกอาจได้ก่อน ไม่งั้นวงการบันเทิงเทศอาจมีข่าวเศร้าก็ได้ จากการเปิดเผยของโปลิศเมื่อวันพุธที่ 15 มิถุนายน ที่ผ่านมา

ตำรวจได้ควบคุมตัวนายจูเนียร์ แบรดชอว์ วัย 30 ปี กับ เควิน ลิเวอร์พูล 33 ปี สองหนุ่มจากเมืองแมนเชสเตอร์ บริเวณถนนคัลลอมป์ตัน ใกล้กับบ้านพักของสโตนทางตะวันเฉียงใต้ของ อังกฤษ พร้อมกันนี้มีรายงานว่าภายในตัวของทั้งสองคนมีดาบ, เชือก และถูกห่อศพอยู่ด้วย โดยนักร้องชื่อดังเจ้าของซิงเกิลฮิต ''Super Duper Love'' และ ''Fell In Love With A Boy'' ยืนยันว่าตัวเธอปลอดภัยดี หลังจากโปลิศแจ้งข่าวเรื่องนี้ให้กับเธอทราบ
    
''ฉันอยากขอบคุณทุกๆ คนสำหรับความเป็นห่วงเป็นใย แต่ฉันสบายดี และใช้ชีวิตไปแบบปกติ ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินการสืบสวนพวกเขาต่อไป'' สโตนวัย 24 ปี กล่าว โดย ''เดอะ ซัน'' แท็บลอยด์ชื่อดังเมืองผู้ดีระบุว่าชายที่ถูกจับนั้นยังมีรายละเอียดแผนที่ และภาพถ่ายทางอากาศของบ้านพักของเธอด้วย
    
ด้านผู้ช่วยของสโตนให้ความเห็นในเรื่องนี้ว่า ''สิ่งที่เกิดขึ้นมันค่อนข้างน่าตกใจมากเลยทีเดียว แต่เธอยังคงตั้งใจที่จะไม่ให้เรื่องนี้ส่งผลกระทบต่อแผนงานของเธอ เธอคอยรับแจ้งข่าวสารจากเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างต่อเนื่อง''
    
ส่วนที่มาของการจับกุมในครั้งนี้นั้นเกิดขึ้นเมื่อเพื่อนบ้านของ สโตน สังเกตเห็นชายทั้ง 2 คนพยายามขับรถช้าๆ วนไปมาบริเวณถนนคัลลอมป์ตัน และเมื่อเห็นว่าไม่ชอบมาพากลก็เลยโทร.แจ้งความทันที เรื่องนี้โฆษกตำรวจท้องถิ่นเปิดเผยว่า ''เจ้าหน้าที่ถูกส่งไปยังถนนคัลลอมป์ตันเมื่อเช้าวานนี้ หลังจากได้รับการแจ้งเตือนจากผู้ที่พักอาศัยอยู่แถวๆ นั้นเกี่ยวกับรถต้องสงสัย เจ้าหน้าที่ได้ไปยังบริเวณพื้นที่ดังกล่าวในเวลา 10 :00 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) และเข้าจับกุมเจ้าของรถยนต์เฟียต ปุนโต้ สีแดง''
    
นอกจากนี้โฆษกตำรวจท้องถิ่นเชื่อว่าทั้ง 2 คนมีแผนที่จะปล้นและทำร้ายร่างกายนักร้องสาวเจ้าของรางวัลแกรมมี่ อวอร์ด ถึงชีวิตเลยทีเดียว โดยเหตุจูงใจน่าจะมาจากทรัพย์สินของเธอที่มีอยู่ประมาณ 9 ล้านปอนด์ (ราว 450 ล้านบาท) ''ทั้งสองคนโดนตั้งข้อหาวางแผนปล้นทรัพย์ รวมทั้งมีแผนที่จะทำร้ายร่างกายจนถึงขั้นเสียชีวิตเลยทีเดียว''
    
ในขณะที่ ไซม่อน อัลซอป เพื่อนบ้านวัย 57 ปี เผยว่า ''มันค่อนข้างน่ากลัวเลยทีเดียว ผมรู้จักทุกคนในครอบครัวนั้นเป็นอย่างดี'' ส่วน แอนนา โคลแมน ซึ่งอาศัยอยู่ฝั่งตรงข้ามกับบ้านของสโตนเปิดใจว่า ''มันน่ากลัวมากที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ใกล้ๆ กับบ้านของเรา''
    
ทั้งนี้สโตนประสบความสำเร็จบนถนนสายดนตรีอย่างมาก โดยขายผลงานของตัวเองได้มากกว่า 10 ล้านอัลบั้มทั่วโลก รวมทั้งยังเคยทำงานร่วมกับตำนานร็อกเกอร์ มิค แจ็คเกอร์ ฟร้อนแมนแห่งวง ''เดอะ โรลลิ่ง สโตน'' รวมทั้ง  เจมส์ บราวน์ ซูเปอร์สตาร์เพลงโซลชาวอเมริกัน นอกจากนี้เธอยังติดอันดับบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในอังกฤษเนื่องจากมีทรัพย์สิน 9 ล้านปอนด์ จากการจัดอันดับของ ''ซันเดย์ ไทม์ส'' สื่อดังบ้านเกิด

สื่อมะกันคอนเฟิร์ม"นาตาลี พอร์ตแมน"คลอดลูกชายแล้ว

พีเพิ่ล แมกกาซีนบันเทิงเล่มดังของประเทศสหรัฐฯ รายงานว่า นาตาลี พอร์ตแมน นางเอกสาวเจ้าของรางวัลออสการ์นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมปีล่าสุด ให้กำเนิดลูกชายคนแรกของเธอกับเบนจามิน มิลเล่ไพด์ นักบัลเล่ต์ชาวฝรั่งเศส เมื่อวันอังคารที่ 14 มิถุนายนที่ผ่านมา แต่ยังไม่มีการยืนยันใดจากพีอาร์ประจำตัวของเธอ

พอร์ตแมน วัย 30 ปี เจอกับ มิลเล่ไพด์ ระหว่างถ่ายทำหนังดราม่าเข้มข้น "Black Swan" ของผู้กำกับดาร์เรน อโรนอฟสกี้ ที่ส่งให้เธอคว้ารางวัลออสการ์ และลูกโลกทองคำ เมื่อต้นปีที่ผ่านมา โดยฝ่ายชายรับหน้าที่เป็นคนออกแบบท่าเต้น และร่วมแสดงในหนัง ทำให้ความใกล้ชิดระหว่างทั้ง 2 คนเปลี่ยนเป็นความรัก ก่อนจะออกมาประกาศข่าวดีว่าพวกเขากำลังจะมีทายาท และหมั้นหมายกัน เมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว
    
นางเอกสาวเชื้อสายอิสราเอล เริ่มต้นเข้าสู่วงการภาพยนตร์จากการแสดงหนังแอคชั่นฝรั่งเศส "Leon" ในปี 1994 ก่อนจะแจ้งเกิดอย่างเต็มตัวในบทเจ้าหญิงอมิดาล่า ในไตรภาคย้อนอดีตของ "Star Wars" หนังสงคราอวกาศเรื่องดัง รวมทั้งมีผลงานฮิตอีกมากมายทั้ง "V for Vendetta", "The Other Boleyn Girl" และ "No Strings Attached"

เจ๊วิคเลือก ''ลองโกเรีย'' เป็นแม่ทูนหัวลูกสาว

ช่วงนี้ วิคตอเรีย เบ็คแฮม เมียรักของ เดวิด เบ็คแฮม นักฟุตบอลชื่อดัง ขวัญใจสาวแก่แม่ม่าย คงจะเห็นว่า อีวา ลองโกเรีย นักแสดงสาวสุดเซ็กซี่ เพื่อนรัก ว่างจัดมั้งถึงได้ขอร้องให้เธอรับเป็นแม่ทูนหัวของว่าที่ลูกสาวที่กำลังจะ ลืมตามาดูโลกในอีกไม่กี่เดือนนี้

นักแสดงสาวจากซีรีส์ฮอต ''Desperate Housewives'' ไม่ค่อยมีข่าวคราวอะไรมากนัก นับตั้งแต่ที่แยกทางกับ โทนี่ ปาร์คเกอร์ นักบาสเกตบอลชื่อดัง เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา แต่ครั้งนี้เธอได้ตกเป็นข่าวที่น่าสนใจเลยทีเดียวเมื่อกำลังจะได้ทำหน้าที่ แม่ทูนหัวของลูกสาวหนึ่งเดียวในตระกูลเบ็คแฮม โดยงานนี้ความสัมพันธ์ของเธอทำให้ ''เจ๊วิค'' ตัดใจไม่เลือก กอร์ดอน แรมซี่ย์ และ ทีน่า ภรรยา รวมทั้ง ไฮดี้ คลุม ซูเปอร์โมเดลกับ ซีล สามีนักร้อง ทำหน้าที่สำคัญนี้
    
''วิคตอเรีย ขอความเห็นจากเดวิด และพวกเขาก็ต้องการให้อีวาทำหน้าที่นี้ เธอภูมิใจมากๆ'' เพื่อนสนิทของอดีตนักร้องสาวแห่งวง ''สไปซ์ เกิร์ลส์'' ป้องปากแฉเรื่องนี้กับ ''เดอะ ซัน'' แท็บลอยด์เล่มฮิต โดยก่อนหน้านี้ เซอร์ เอลตัน จอห์น นักร้อง-นักเปียโนชื่อก้องโลก กับ ลิซ เฮอร์ลี่ย์ ทำหน้าที่เป็นพ่อแม่ทูนหัวบรู๊คลีน วัย 12 ปี และ โรมิโอ วัย 8 ขวบมาแล้ว
    
ขณะเดียวกัน ''เดอะ ซัน'' เผยว่า ''พอช สไปซ์'' ตั้งใจจะผ่าคลอดที่โรงพยาบาลในลอสแอนเจลีส วันที่ 4 กรกฎาคมนี้ ซึ่งเป็นวันชาติสหรัฐอเมริกา โดยหนุ่มเบ็คส์ เผยว่าเขาหวังเห็นหน้าลูกสาวสุดที่รักลืมตาดูโลกในช่วงกีฬาโอลิมปิกที่จะมี ขึ้นที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ในเดือนหน้า

"เซเลน่า" สปิริตแรง ฝืนป่วย-ลุยงานตามคิว

ต้องจัดให้เป็นนักแสดงดาวรุ่งที่มีสปิริตแรงอีกคนของฮอลลีวู้ด เซเลน่า โกเมซ หวานใจของ จัสติน บีเบอร์ ป็อปสตาร์ขวัญใจสาวๆ ทั่วโลก หลังจากเธอโดนอาการอาหารเป็นพิษเล่นงาน แต่ยังฝืนสังขารไม่ยอมแคนเซิลคิวงาน แต่อาศัยการวิ่งรอกเข้าไปอัดยาที่โรงพยาบาลในช่วงกลางคืน เพื่อให้ฟื้นมาทำงานต่อตามกำหนด

นักร้อง-นักแสดงวัย 18 ปี ถูกจับได้ว่า แอบย่องเข้าโรงพยาบาลลอสแอนเจลีส เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ทำให้แหล่งข่าววงในต้องออกมาเผยความจริงว่า สาวเซเลน่า มีอาการอาหารเป็นพิษที่ทำให้รู้สึกคลื่นไส้และปวดศีรษะ ตั้งแต่ไปออกรายการทูไนท์ โชว์ของ เจย์ ลีโน่ พิธีกรคนดัง เมื่อคืนวันพฤหัสบดี จนต้องให้หมออัดยาไปรอบหนึ่งแล้ว
         
''สำหรับ เซเลน่า ไม่มีอะไรอื่นนอกจากคำว่ามืออาชีพ เธอต้องให้สัมภาษณ์ต่อที่ด้านหลังเวที และออกไปทานอาหารกับ จิม แคร์รี่ หลังจบโชว์ โดยที่ทีมงานของรายการไม่มีใครรู้เลยว่าเธอกำลังไม่สบายอยู่''
         
ในสัปดาห์นี้ โกเมซ และ The Scene วงดนตรีของเธอจะเริ่มต้นการทัวร์คอนเสิร์ต 10 เมืองในประเทศอเมริกาเพื่อโปรโมตอัลบั้มล่าสุด ''When the Sun Goes Down'' ก่อนที่จะต้องสลับคิวมาเดินสายโปรโมต ''Monte Carlo'' หนังโรแมนติกคอมเมดี้ผลงานใหม่ของเธอที่มี นิโคล คิดแมน นางเอกซูเปอร์สตาร์เป็นผู้อำนวยการสร้างร่วม ที่มีกำหนดเปิดตัวในสหรัฐฯ วันที่ 1 กรกฎาคม นี้  

วันจันทร์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2554

''นาเดีย'' เขินเตรียมสละโสดบอก "ขายออกซะที"

นับอีกหนึ่งข่าวดีของวงการบันเทิง เมื่อพิธีกรสาวชื่อดัง นาเดีย นิมิตรวานิช วัย 33 ปี แห่งรายการดาวกระจาย ทางโมเดิร์นไนน์ ทีวี ออกมาเปิดใจว่า ตนได้เตรียมสละโสดกับ ''หล่อเล็ก'' หรือ ''คุณภิ'' ม.ล.อภิมงคล โสณกุล หลังจากที่ถูกฝ่ายชายคุกเข่าขอแต่งงานในงานวันเกิดของตนเอง เมื่อปลายเดือนพฤษภาคม ที่ผ่านมา และทางพิธีกรสาว ก็ได้ตอบตกลงไปเรียบร้อยแล้ว อีกทั้งยังได้ฤกษ์ดีที่จะแต่งงานแล้วอีกด้วย แต่ทั้งนี้ พิธีกรสาวยังขออุบวันและเวลาไว้ก่อน บอกแค่ว่าหลังเลือกตั้งนี้ โดย นาเดีย บอกว่า ตนรู้สึกเขินที่จะต้องพูดเรื่องนี้อยู่คนเดียว หากเป็นไปได้อยากให้ฝ่ายชายออกมาพูดเรื่องดังกล่าวน่าจะเหมาะสมกว่า
    
ล่าสุด ''นาเดีย'' ได้เปิดใจเรื่องสละโสดอีกครั้ง ในรายการ ''คลับมันตรา'' ที่ตนเองเป็นพิธีกร ถึงกรณีเตรียมสละโสดด้วยอาหารขวยเขินว่า เรื่องวิวาห์ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรสำหรับตน เพราะตนก็คิดว่ามันถึงเวลาแล้ว และพูดติดตลกว่า ''ขายออก'' ซะที
    
''ก็ถึงเวลาแล้วอะนะ ขายออกสักที (หัวเราะ) คือเราคบกันก็คุยกันเรื่องครอบครัวอยู่แล้วค่ะ''
    
สำหรับเรื่องการเตรียมงานก็พร้อมเต็มที่ ''เรื่องโรงแรม เรื่องจัดงานก็เรียบร้อยค่ะ เดี๋ยวพร้อมเมื่อไหร่ก็จะแจกการ์ดค่ะ''
    
ส่วนการเตรียมงานในครั้งนี้ จะเหนื่อยแค่ไหนนั้น พิธีกรสาว บอกว่า ตนเองไม่เหนื่อยเท่าไหร่ คิดว่าฝ่ายชายน่าเหนื่อยกว่า
    
''ไม่เหนื่อยหรอกค่ะ เขาเหนื่อยกว่าเยอะ เพราะอยู่ในช่วงเลือกตั้ง ยังไงก็ยังส่งข้าวส่งน้ำเหมือนเดิม'' นาเดีย กล่าวด้วยใบหน้าอิ่มเอิบ
    
อนึ่ง นาเดีย นิมิตรวานิช ตั้งแต่เข้าวงการมาไม่ค่อยมีข่าวด้านชู้สาวกับหนุ่มคนไหน แม้จะถูกผู้สื่อข่าวถามถึงเรื่องความรักอยู่เรื่อยๆ แต่ก็มักจะไม่มีความคืบหน้า แถมเจ้าตัวยังพูดโอดครวญอยู่เรื่อยๆ ว่า อายุก็เลข 3 แล้วแต่ก็ยังหาแฟนไม่ได้ จนกระทั่งมาคบหากับ ''คุณภิ-ม.ล.อภิมงคล'' โดยได้เปิดตัวว่า ดูใจกันเมื่อต้นปี 2554 ควงกันออกงานยืนยันความสัมพันธ์อยู่บ่อยๆ ซึ่งทั้งสองได้รู้จักในฐานะเพื่อนมานานนับสิบปี จนกระทั่งพัฒนาความสัมพันธ์ว่าเป็นแฟน และตกลงแต่งงานในที่สุด

"เต๋อ" ซิวรางวัลดาวรุ่งแห่งเอเชีย สุดฮอตแฟนจีนคลั่ง

กลายเป็นพระเอกไทยอีกคนที่ไปคว้ารางวัลจากต่างประเทศมานอนกอดได้สำเร็จ สำหรับ ''เต๋อ'' ฉันทวิชช์ ธนะเสวี พระเอกสุดฮอตจากหนัง ''กวน มึน โฮ'' ของค่าย จีทีเอช ที่ล่าสุดสามารถคว้ารางวัล ''Asian New Talent Award'' ดาราดาวรุ่งชายแห่งเอเชีย ที่ได้รับผลโหวตจากผู้ชมทั่วเอเชีย ในงาน ''เทศกาลหนังเซี่ยงไฮ้ อินเตอร์เนชันแนล ฟิล์มเฟสติวัล ครั้งที่ 14 ที่เพิ่งผ่านพ้นไปเมื่อเร็วๆ นี้ ซึ่งงานนี้มีผู้รับรางวัลทั้งหมด 7 คน จาก 7 ประเทศทั่วเอเชีย โดยรายงานข่าวแจ้งว่าบรรยากาศในงานมีผู้ชมจากทั่วเอเชียเข้ามาขอถ่ายรูปคู่ กับเต๋อเป็นจำนวนมาก เรียกได้ว่าหนุ่มไทยฮอตไม่แพ้ชาติใดเลยทีเดียว
   
''เต๋อ-ฉันทวิชช์'' เผยว่า ''ดีใจและตื่นเต้นมากครับ ขอบคุณทุกคนที่โหวตให้ผมได้รับรางวัลนี้ ขอบคุณแฟนๆ ทุกคนที่เป็นกำลังใจให้มาตลอด ผมจะพยายามทำผลงานให้ดีขึ้นเรื่อยๆ ครับ รางวัลนี้ผมภูมิใจมากครับที่หนังไทยอย่าง กวน มึน โฮ ประสบความสำเร็จ ผู้ชมชื่นชอบทั้งในเมืองไทยและต่างประเทศ รอบที่หนัง กวน มึน โฮ ฉาย ตั๋วจะเต็มมีคนสนใจชมเยอะมาก และดีใจที่ผมมีแฟนคลับเป็นคนจีน ดีใจที่คนจีนชอบหนังไทยของเรา อยากให้คนไทยเป็นกำลังใจและดูหนังไทยกันเยอะๆ นะครับ''
   
สำหรับ ''เต๋อ-ฉันทวิชช์'' เคยแจ้งเกิดจากภาพยนตร์เรื่อง ''ปิดเทอมใหญ่ หัวใจว้าวุ่น'' และเคยมีผลงานหนังสยองขวัญอย่าง ''โปรแกรมหน้า วิญญาณอาฆาต'' ก่อนจะโด่งดังขึ้นทำเนียบพระเอกร้อยล้านจาก ''กวน มึน โฮ'' เมื่อปีที่ผ่านมา และล่าสุดกำลังมีผลงานซีรีส์เรื่อง ''หมวดโอภาส ยอดมือปราบคดีพิศวง'' ที่กำลังออกอากาศทาง โมเดิร์นไนน์ ทีวี อยู่ในขณะนี้

"พลอย" ปัดจ้องงาบ "พีช" ความรักกับ "ต้าร์" ชื่นมื่น

มีข่าวเม้าท์ลอยลมมาให้นางเอกสาวสุดมั่นอย่าง ''พลอย'' เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์ ได้แก้ข่าวอีกแล้ว เมื่อมีสื่อบันเทิงบางเล่มลงข่าวว่าสาวพลอยนั้นอยากกินเด็กดาวรุ่งหน้าใสลูก ไฮโซอย่างน้อง ''พีช'' พชร จิราธิวัฒน์ จนกระทั่งไปร่วมงานวันเกิดครบรอบ 18 ปี ของหนุ่มพีชเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา โดยข่าววงในเล่าว่าไปทั้งๆ ที่ไม่ได้รับเชิญ แถมพอไปถึงงานแล้วยังเมาหยำเปไม่ยอมกลับจนต้องไปเปิดโรงแรมนอน โดนลือแรงขนาดนี้เห็นทีสาวมั่นอย่างพลอยต้องออกมาโต้ข่าวสักหน่อย
   
โดยในวันที่ 19 มิ.ย. 54 ที่ผ่านมานั้น สาวพลอยได้เดินทางไปร่วมงาน ''บียอนด์ ดิสคัฟเวอรี่ ปาร์ตี้ (เลิฟ)'' ณ บริเวณชั้น 6-7 ห้างสรรพสินค้าสยามดิสคัฟเวอรี่ ซึ่งเมื่อผู้สื่อข่าวได้ถามไถ่ถึงประเด็นดังกล่าว นางเอกสาวก็ได้ตอบกลับมาด้วยท่าทางสุดอัดอั้นว่า ไม่เป็นความจริง เพราะตนเองรู้จัก และสนิทกับทางบ้านของหนุ่มพีชมานานแล้ว แจงครอบครัวหนุ่มพีชเป็นคนติดต่อให้ไปถือเค้กเซอร์ไพรส์วันเกิดครอบรอบ 18 ปี ของหนุ่มพีชเท่านั้น อยากให้เห็นใจกับข่าวที่เกิดขึ้นบ้าง
   
''ครอบครัวของน้องพีชสนิทกับพลอยมากๆ พลอยเองก็ไปเป็นแขกเซอร์ไพรส์เบิร์ธเดย์ เป็นคนเอาเค้กไปให้ แต่ว่าเป็นเค้กที่ทางบ้านน้องจัดเตรียมไว้ให้ พลอยถือเข้าไปเซอร์ไพรส์น้อง แล้วพลอยก็ซุ่มอยู่หลังประตู แล้วก็เบิร์ธเดย์น้องเค้าค่ะ จริงๆ พลอยอยากจะขอร้องว่าให้เป็นวันครบรอบวันเกิดอายุ 18 ที่น่าประทับใจ และน่าจดจำของน้องเค้าดีกว่า เห็นใจน้องเค้า แล้วก็สงสารครอบครัวน้องเค้าด้วยที่ต้องมาเจอข่าวแบบนี้''
   
ต่อคำถามที่ว่าจริงๆ แล้ว พลอยเป็นเพื่อนร่วมก๊วนกันกับพีชหรือเปล่า นางเอกสาวก็ได้เล่าให้ฟังว่ารู้จักกับหนุ่มพีชมาตั้งแต่หนุ่มพีชยังเด็กอยู่ด้วยซ้ำ
   
''น้องพีชเป็นน้องที่น่ารัก พลอยเดินแบบกะเค้าบ่อย เดินแบบด้วยกันตั้งแต่น้องเค้าตัวเท่าเอว เรา ก็ไม่มีอะไรหรอกค่ะ อยากให้เห็นใจเราบ้าง (ตั้งแต่มีข่าวได้คุยกะพีชบ้างหรือยัง?)
ยังไม่ได้ คุยเลย จริงๆ เรื่องนี้ไม่ซีเรียสอะไร แต่เดี๋ยวคงคุย เพราะพลอยเพิ่งกลับมาจากงานรับปริญญาพี่ต้าร์ไม่ถึง 2 วันเลย คิดว่าคงจะถามเค้า เพราะไม่รู้ว่าเค้าจะซีเรียสเรื่องนี้หรือเปล่า''
   
ต่อคำถามที่ว่าหวานใจตัวจริงอย่างหนุ่ม ''ต้าร์'' นาวิน เยาวพลกุล นั้นได้คุยถึงเรื่องเหตุการณ์ที่เป็นข่าวที่เกิดขึ้นหรือไม่ ทางสาวพลอยก็ได้เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า
   
''พี่ต้าร์ไม่พูดอะไรเลยค่ะ เค้ารู้ว่าพลอยแข็งแรงพอ เค้าก็จะบอกว่า อีกแล้วเหรอ? สังคมมันก็เป็นแบบนี้แหละพลอย พลอยก็ไม่ได้ซีเรียส เพราะไม่ใช่เรื่องจริง ใครจะไปทำอะไรได้ขนาดนั้น''
   
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงงานรับปริญญาของหนุ่มต้าร์ที่สาวพลอยบินไปหาถึงสหรัฐอเมริกานั้นเป็นอย่างไรบ้าง สาวพลอยก็ได้เล่าให้ฟังว่า
   
''พ่อแม่พี่ต้าร์น่ารักมากเป็นครอบครับที่อบอุ่น พลอยเองก็ไม่ได้มีของขวัญอะไรให้พี่เค้าเลย ก็เห็นพี่ต้าร์เค้าพูดให้ฟังว่าพอจบแล้วก็จะกลับสอนที่เมืองไทยก่อน แล้วค่อยลุยงานในวงการบันเทิง'' พลอยกล่าว

"ก้อง" แจง "น้ำชา" ทวิตน้อยใจแค่งอนเปล่าเลิก

ทะเลาะกันถี่แถมงอนกันบ่อยเหลือเกิน สำหรับคู่รักนักร้องต่างวัย ''น้ำชา'' ชีรณัฐ ยูสานนท์ และ ''ก้อง'' กรุณ ซอโสตถิกุล ล่าสุดฝ่ายหญิงทวีตอารมณ์เหมือนประมาณน้อยใจที่ฝ่ายชายไม่ค่อยมาดูแล คบมาสองปีเหมือนไม่เห็นค่ากัน งานนี้หลายคนเลยเข้าใจไปว่า คู่นี้รักอาจจะถึงทางตันแล้วจริงๆ ก็ได้

เมื่อผู้สื่อข่าวมีโอกาสได้เจอ ''ก้อง-กรุณ'' ที่มาร่วมงานของโทรศัพท์แบล็คเบอร์รี่ ที่สยามพารากอน วันก่อน จึงได้สอบถามทันที ซึ่งหนุ่มก้องเองบอกว่า ความรู้สึกของตนที่มีต่อน้ำชานั้นยังเหมือนเดิม แต่ฝ่ายหญิงอาจจะมีงอนบ้าง เพราะไม่ค่อยมีเวลาเจอกัน
   
''เรื่องทวีตผมก็ไม่รู้ ต้องถามน้องเขาครับ แต่ผมเองยังโอเคอยู่ คือเขาจะทวีตว่าอะไร เพราะอะไรถึงทวีตแบบนั้น ผมว่าต้องถามน้องเอง แต่ตอนนี้ผมโอเคนะ''
   
เมื่อถามว่าก้องได้มีทวีตกลับเข้าไปถามหรือเปล่าว่าทำไมน้องถึงตัดพ้อน้อยใจแบบนั้น เรื่องนี้นักร้องหนุ่มบอกว่า
   
''ผมว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัวนะครับ ไม่ควรเอามาออกสาธารณะ เพราะเรื่องพวกนี้เป็นเรื่องเซนซิทีฟ เกิดเราทำอะไรขึ้นมาแล้วคนไปตีความผิด มันก็จบ ผมว่าเราอยู่เงียบๆ ดีกว่า แต่ถ้ามว่าเคลียร์กันไหม จริงๆ มันก็มีเคลียร์บ้าง แต่ไม่ถึงกับเคลียร์อะไร เครียดขนาดนั้น ตัวน้องเขาถ่ายละคร ด้วยเรื่องเรียนด้วย''
   
ต่อข้อถามว่าแล้วตอนนี้น้ำชายังงอนอยู่หรือเปล่า ''ก้อง-กรุณ'' กล่าวว่า
   
''อันนี้ผมไม่แน่ใจ อาจจะเป็นเพราะว่ารื่องที่เจอกันน้อยด้วย เป็นเพราะเรื่องงาน ด้วยอารมณ์ด้วยผมว่า หลายๆ  อย่าง แต่อย่างผมเนี่ยเวลามีอะไรจะอยู่เฉยๆ โลว์โปรไฟล์ดีกว่า อาจเพราะว่าเราโตด้วย บางทีอาจด้วยอารมณ์ของเด็กไม่ทันคิด ผมว่าคงเพราะเรื่องนี้ ส่วนใหญ่งอนเรื่องเวลา เรื่องบางอย่างที่เราทำอะไรไม่ได้แล้วเขาไม่เข้าใจ ด้วยอารมณ์ของเด็กด้วย งอแง''
   
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า เหนื่อยไหมที่ต้องคบกับเด็ก เรื่องนี้นักร้องหนุ่มยิ้ม ก่อนจะบอกว่า ไม่เลย ''เหนื่อยไหมเหรอครับ ไม่หรอกครับ ก็โอเคครับ หลายรสชาติดี''
   
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวได้ถามว่า คนจับตามองเรื่องความรักเหลือเกิน รู้สึกอย่างไร เรื่องนี้นักร้องหนุ่มบอกว่า
   
''ผมว่ามันเลี่ยงไม่ได้ครับ ไม่เข้าใจว่าจะจับตาให้เลิกหรือจะจับตายังไง ก็ดูๆ กันไปเรื่อยๆ ดีกว่า ถ้ามันจะอะไรขึ้นมาวันหนึ่งมันก็เป็นไปตามอนาคตของมัน แต่ถ้าเกิดมีอะไรขึ้นมามันน่าจะเป็นข่าวอะไรที่มันคอนเฟิร์มชัดเจนกว่านี้นะ ครับ'' ก้อง กล่าว

มั่นใจชนะ "แอนนี่" "ฟิล์ม"งดตอบโต้"ยูมิน"เมิน"สมยศ"บุกศาลแฉ

เมื่อวันที่ 18 มิ.ย. 2554 ที่ผ่านมา เวลา 09.00 น. ณ ห้องพิจารณาคดี 804 ศาลอาญา รัชดา นักร้องหนุ่ม ''ฟิล์ม'' รัฐภูมิ โตคงทรัพย์ ได้เดินทางมาพร้อมทนายความ เพื่อเบิกความไต่สวนมูลฟ้องในฐานะโจทก์ ในคดีที่ฟิล์มยื่นฟ้อง นางสาวรุ่งนภา แก้วไทรหาญ หรือ ''แอนนี่ บรู๊ค'' ในความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา จากกรณีที่ แอนนี่ บรู๊ค พาบุตรชายไปให้สัมภาษณ์ทางสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ต่อว่า โจทก์ หรือ "ฟิล์ม-รัฐภูมิ" ไม่มีคุณธรรม ไม่มีความรับผิดชอบต่อจำเลย หรือ แอนนี่ บรู๊ค และบุตรชาย แต่ความเป็นจริงแล้ว บุตรของจำเลยไม่ใช่บุตรของโจทก์
   
อย่างไรก็ตาม ในช่วงเช้าของวันเดียวกันนี้ ''สมยศ ศรีสมบูรณ์'' อดีตนักข่าวบันเทิงซึ่งก่อนหน้านี้เคยยืนยันเป็นผู้ชักนำฟิล์มเข้าสู่วงการ ได้เดินทางมาปรากฏตัวที่ศาลอาญา โดยเจอ "ฟิล์ม-รัฐภูมิ" ชั่วครู่ก่อนที่นักร้องหนุ่มจะยกมือไหว้และขึ้นลิฟต์ไปที่ห้องพิจารณาคดี จากนั้นสมยศจึงได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวถึงวัตถุประสงค์ในการเดินทางมาในครั้งนี้ว่า
   
''แค่มาบอกให้น้องรู้ว่าน้องต้องรู้จักวิธีการพูด ไม่ใช่ว่าเกิดมาเป็นคนดังแล้วอยากพูดอะไรก็ได้ว่าสื่อมวลชนจะเชื่อทุกคน แต่คนธรรมดาคนต้อยต่ำอย่างผมมีความจริงแล้วทำไมผมจะพูดไม่ได้ แล้วผมไม่เคยทำร้ายไม่เคยมีปัญหากับฟิล์มหลังจากดันให้ฟิล์มเป็นดาราไปฝากให้เล่นหนังกับพี่พจน์แล้ว ฟิล์มก็ทำงานเองรับงานเองไม่เคยบอกผมผมก็ไม่ว่า แต่พอมีปัญหาอะไรต่างๆ ผมก็ไปช่วยเหลือทุกครั้ง 


อย่างในกรณีที่ครั้งหนึ่งประมาณปี 45 ที่เขาเคยมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องชกต่อย เอาเป็นว่ามันเป็นเรื่องเรื่องหนึ่งซึ่งผมมีเอกสารอยู่ในนี้ (หยิบเอกสารมาให้นักข่าวดู) ให้พี่ๆ นักข่าวไปสืบดูแล้วกัน ผมทราบจากแม่เขาว่าน้องมีข่าวในหนังสือพิมพ์ ในฐานะที่ผมอยู่ในวงการนักข่าวเหมือนกันในสมัยนั้น ถ้าผมไม่ใช่ตัวจริงถ้าผมไม่ได้ทำจริงแล้วผมจะมีเรื่องพวกนี้มั้ยครับ 9 ปีที่ผ่านมา เมื่อข่าวลงไปแล้วแม่เขาโทร.มาให้ผมไปช่วยแก้ข่าว ผมก็บอกว่าถ้าในหน้าบันเทิงผมยังพอรู้จักกันได้ในหลายๆ เล่มเพราะเราทำข่าวมาก่อน แต่ถ้าในหน้าที่ไม่ใช่หน้าบันเทิงเนี่ยผม
ช่วยลำบาก"
   
"แล้วมีอยู่ครั้งหนึ่งที่เขาหนีผมไปแกรมมี่โดยที่ไม่บอกผม แล้วผมคุยกับเขาว่าถ้ามีงานหรือเซ็นกับแกรมมี่ฟิล์มจะต้องบอกพี่ด้วยในฐานะ ที่พี่เป็นผู้จัดการฟิล์ม ชักนำฟิล์มเข้าสู่วงการ แต่ฟิล์มก็ไม่เคยบอก แม่ฟิล์มก็ยืนยันว่าจะบอก แต่มันก็ผ่านไปจนถึงวันที่ข่าวมันลงไปเนี่ย เรื่องนี้ผมก็ไม่ทราบ แล้วฟิล์มก็ไม่ได้ทำเทปกับแกรมมี่ แล้วจากนั้นผมจึงพาฟิล์มมาที่อาร์เอส ซึ่งถ้าฟิล์มจะปฏิเสธว่าผมไม่ได้พาฟิล์มมาอาร์เอส ถ้าสาบานไปฟิล์มก็ตายเปล่า ผมพามาถึงอาร์เอสเสร็จแล้วหลังจากนั้นผมก็เหมือนไม่มีค่าไม่มีตัวตน แต่ไม่เป็นไรครับ บางคนว่าผมโง่ที่ไม่มีสัญญา แต่ไม่เป็นไรครับผมยอมเป็นคนโง่แล้วให้ฟิล์มฉลาดไปก็ได้''
   
ขณะที่การไต่สวนคดีของฟิล์มใช้เวลาในการดำเนินการไปเกือบ 3 ชั่วโมง ก่อนที่หนุ่มฟิล์มจะเดินลงมาที่หน้าศาล แต่ขอไม่เปิดเผยรายละเอียด โดยอ้างว่าในส่วนของตนไม่สามารถบอกอะไรได้ เพราะว่าเรื่องทุกอย่างขึ้นอยู่กับศาลและทนายความหมดแล้ว ขณะที่ ''สุพรรณ เสือหาญ'' ทนายความของ ''ฟิล์ม-รัฐภูมิ'' เปิดเผยว่า
   
''มันอยู่ในศาลแล้วครับหน้าที่ของเราคือทำความจริงให้ปรากฏ แล้วขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาลเราคงพูดอะไรไม่ได้ เราคงต้องนำเสนอความจริงและต้องรอดูกันต่อไป มันเป็นคดีกันมันก็แน่นอนอยู่แล้วครับว่าเขาต้องพูดอีกอย่าง เราก็ต้องเอาความจริงมาว่ากัน ทนายทำงานก็คิดว่ามั่นใจนะครับเราเอาความจริงมาพูดกันดีกว่า เราเอาหลักฐานมาพิสูจน์ได้ด้วยความจริง เราไม่พูดด้วยคำพูดเรามีหลักฐาน โดยศาลจะนัดอีกครั้ง 12 ก.ค. นี้ ว่าศาลรับฟ้องหรือไม่ครับ''
   
จากนั้นผู้สื่อข่าวจึงถามถึงกรณีที่ ''สมยศ ศรีสมบูรณ์'' เดินทางมายังศาลในวันนี้ ซึ่งนักร้องหนุ่มกล่าวถึงเรื่องนี้ว่า 


''ก็งงนะครับ จริงๆ ผู้หลักผู้ใหญ่ของผมก็เยอะนะครับ ทุกคนผมก็ให้ความเคารพทั้งสิ้น แต่จริงๆ ประชาชนทุกคนรู้อยู่แล้วว่าใครคือผู้ปลุกปั้นผม ก็คือ พี่พจน์ อานนท์ เป็นผู้ปลุกปั้นผมอย่างเป็นทางการอยู่แล้ว มันก็มีอยู่แค่นี้น่ะครับ จริงๆ เรื่องนี้พูดไปมันก็เท่านั้นน่ะครับ ทุกคนรู้กันอยู่แล้วถามผมไปผมก็ตอบเหมือนเดิมว่าคือพี่พจน์แล้วก็เป็นทางการ มากๆ แล้วตอนนี้ก็เฮียฮ้อครับ''
   
นอกจากนี้ หนุ่มฟิล์มยังกล่าวถึงประเด็นที่สมยศกล่าวว่าช่วยฟิล์มที่เคยมีข่าวทะเลาะวิวาทเมื่อหลายปีก่อน โดยฟิล์มยอมรับว่าตนเคยมีทะเลาะวิวาทจริงแต่เรื่องที่เคลียร์ให้นั้นไม่มี แต่อย่างใด
   
จากนั้นผู้สื่อข่าวได้สอบถามถึง กรณีที่  ''ยูมิน'' ทวิกานต์ กุลชล ออกมายืนยันโต้คำพูดของฟิล์มที่ออกมาบอกว่าไม่เคยคบหากัน แค่คนรู้จัก ว่ายังไงตนก็ยืนยันว่าเคยคบหากับฟิล์ม พร้อมฉะว่าเป็นลูกผู้ชายหรือเปล่า ที่สำคัญสาวยูมินยังพูดในทำนองว่าตนเองก็ไม่ได้โง่ ถึงจะไม่รู้ว่าการคบหากันกับการรู้จักกันธรรมดานั้นเป็นแบบไหน เรื่องนี้นักร้องหนุ่มรีบส่ายหัว ขอไม่ตอบใดๆ เกี่ยวกับตัวคู่กรณีทั้งสิ้น

"โก้" ฉุนแจ้งจับ "สีดา พัวพิมล" โกงเงิน5แสนทำหนัง

เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. เวลา 16.00 น. ที่โรงพัก สน.หัวหมาก ''โก้'' ธีรศักดิ์ พันธุจริยา นักแสดงหนุ่มชื่อดัง ได้เข้าแจ้งความดำเนินคดี นางสีดา พัวพิมล นักแสดงรุ่นใหญ่ ในข้อหาฉ้อโกงทรัพย์ ด้วยการยืมเงินเป็นจำนวน 500,000 บาท และเบี้ยวสัญญาไม่ยอมคืนเงิน ซึ่งอ้างว่าจะนำเงินดังกล่าวไปลงทุนทำละคร เรื่องแม่นาคพระโขนง ล่าสุดยังติดต่อไม่ได้ เพราะทางคู่กรณีได้มีการเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์มือถือไปแล้ว
   
''โก้'' ธีรศักดิ์ พันธุจริยา เปิดเผยว่า จริงๆ เรื่องนี้ เกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้ว ที่เขามายืมเงินก่อนจำนวน 2 แสน 5 หมื่นบาท จากนั้นเดือน กุมภาฯ ของปีนี้ ก็มายืมอีก 2 แสน 5 หมื่นบาท รวมเป็น 5 แสนบาท และได้มีการทำสัญญากู้ยืมกันไว้ ซึ่งขณะนี้ก็ได้เลยกำหนดชำระคืน มาเกือบ 2 เดือนแล้ว เราพยายามติดต่อไปหลายครั้ง ก็จะโดนเขาผลัดวันประกันพรุ่งตลอดเวลา ล่าสุดถึงขนาดปิดมือถือหนี และได้มีการเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์มือถืออีกด้วย
   
''เมื่อผมทราบว่าโดนหลอกแน่นอน 100 % แล้ว ผมก็เลยปรึกษาทนาย และแนะนำว่าให้มาแจ้งความเอาไว้ก่อน เพื่อจะได้ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจลงบันทึกประจำวันไว้ก่อน เบื้องต้นผมได้แจ้งความไว้ในข้อหาฉ้อโกงทรัพย์ แก่ คุณสีดา พัวพิมล ในกรณีทำสัญญากู้ยืมเงิน จำนวน 500,000 บาท แล้วไม่ยอมชำระตามสัญญาที่ได้ทำเอาไว้ ทั้งยังพยายามที่จะบ่ายเบี่ยง เจตนาจะไม่ยอมคืน ผมเลยต้องขอให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ เรียกตัวมาเพื่อฟังข้อกล่าวหา และจับตัวมาดำเนินคดีในข้อหาฉ้อโกงต่อไป''
   
''คุณสีดาเขามายืมเงินผม โดยอ้างว่าจะนำเงินดังกล่าวไปลงทุนทำละครเรื่อง แม่นาคพระโขนง ด้วยความที่รู้จักกันมานานกว่า 20 ปี ทั้งเป็นผู้ใหญ่ในวงการที่ผมนับถือ เพราะเป็นแม่ของเพื่อน ก็เลยตัดสินใจให้เขายืม เบื้องต้นเชื่อว่าเขาสร้างละครเรื่องแม่นาคจริง เพราะได้มีการนัดตัวละครซึ่งรวมทั้งผม ที่ได้มีการแคสติ้ง รวมทั้งมีผู้ใหญ่อีกหลายท่าน ที่ร่วมแสดง ผมก็เลยเชื่อใจ แต่ความมาแตกตรงที่ผมชักไม่ค่อยเชื่อ เพราะว่ามีดาราศิลปินอีกหลายคน ที่โทร.มาบ่นกับผมว่าเกิดกรณีเดียวกัน อย่าง''คุณษา'' วรรณษา ทองวิเศษ เขาก็โทร.มาบอกว่า โดนหลอกไปเหมือนกัน จำนวน 2 หมื่น 5 พัน บาท รวมทั้งอีกหลายคน ก็เลยเอะใจ เลยชวนเพื่อนไปที่เจเอสแอล ซึ่งทางคุณสีดาอ้างว่า ทางบริษัทเจเอสแอลจะเป็นผู้สร้าง ซึ่งก็ได้รับการตอบปฏิเสธกลับมา ว่าไม่มีโครงการในการทำละครเรื่องแม่นาคพระโขนงแต่อย่างใด ผมก็เลยรู้ว่าผมโดนหลอกเข้าให้แล้วเต็มๆ ครับ''
   
นักแสดงหนุ่ม ''โก้-ธีรศักดิ์'' เปิดเผยอีกว่า ที่มาขึ้นโรงพักแจ้งความ เพราะต้องการให้คุณสีดาทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับผม คือต้องคืนเงินผมจำนวน 5 แสนบาท ที่คุณสีดาได้ยืมไป ซึ่งผมคิดว่าคุณสีดาได้มีเจตนาที่จะเบี้ยวผม และยังหลอกผมให้นำเงินไปลงทุนอีก ผมก็รู้สึกเสียใจ และผิดหวังเป็นอย่างมาก เพราะรู้จักและนับถือกันมากว่า 20 ปี ทั้งไม่คิดว่าจะมาทำกันได้ แรกๆ ก็ช่วยเพราะสงสาร แต่พอมาทราบว่ามีคนโดนอีกหลายคน ก็รู้สึกไม่ดีเลย
   
''ตอนนี้ยังไม่มีการติดต่อกลับมาเลย ต่อจากนี้ก็จะให้ทางทนายไปหาลู่ทางในการฟ้องร้อง แต่ถ้าคุณสีดา อ่านหรือทราบข่าว และมีเจตนาที่จะไม่เบี้ยวเงินผม ผมก็สัญญาว่าผมจะไม่เอาความ ทั้งยังเคารพและนับถือคุณสีดาเสมอ แต่เมื่อไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร ผมก็เลยต้องจำใจทำแบบนี้ เพราะถ้าไม่ทำแบบนี้ ผมเชื่อว่า ผมคงไม่มีทางที่จะได้เงินคืน อย่างแน่นอนครับ'' ''โก้-ธีรศักดิ์'' กล่าว