วันพฤหัสบดีที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2554

“อั๋น” กราบขอโทษระเบิดอารมณ์ใส่นักข่าว รับ รู้สึกแย่ที่ทำตัวแบบนั้น

กลายเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงอย่างมากทีเดียว สำหรับกรณีที่ “อั๋น วิทยา วสุไพศาล” พระเอก จากละครชื่อดังเรื่อง “ดอกส้มสีทอง” ไประเบิดอารมณ์ใส่นักข่าว ในงานแถลงข่าวประกาศผลผู้เข้ารอบรางวัลนาฏราช ครั้งที่ 2 ณ หอประชุมกองทัพบก เมื่อวันที่ 22 เม.ย.ที่ผ่านมา หลังเจ้าตัวไม่พอใจที่โดนถามถึงฉากหวือหวาในละครดอกส้มสีทองที่กำลังโด่งดัง ทั่วบ้านทั่วเมืองอยู่ในตอนนี้ กับประเด็นที่ต้องเข้าฉากเลิฟซีนกับสาว “ชมพู่ อารยา เอ ฮาร์เก็ต” บ่อยๆ แฟนตัวจริงว่าอย่างไรบ้างหรือเปล่า ทำให้หนุ่มอั๋นโมโหก่อนจะจวกใส่หน้าว่าสื่อไร้จรรยาบรรณ ทั้งยังเดินไปชี้ใส่กล้องที่กำลังถ่ายอยู่ พร้อมสั่งห้ามไม่ให้นำภาพดังกล่าวออกอากาศ จนกลายเป็นประเด็นที่โดนวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนาหู
     
ล่าสุดเมื่อช่วงค่ำของวันที่ 26 เมษายน ที่ผ่านมา หนุ่มอั๋นได้ไปร่วมงานพบปะแฟนคลับของนิตยสาร F3 ที่ร้านบางกอกบาร์ เอกมัยซอย 2 เจ้าตัวก็เลยถือโอกาสเคลียร์ตัวเอง โดยบอกว่าได้พยายามระงับอารมณ์แล้ว แต่รู้สึกไม่พอใจที่โดนถามเรื่องส่วนตัวหลายๆ รอบจนฟิวส์ขาด แต่ยืนยันไม่ได้เหวี่ยง
     
“เหตุการณ์ก็คือพอดีวันนั้นเสร็จจากงานแถลงข่าวนาฏราชนะครับ ก็มีการสัมภาษณ์เรื่องของละคร ผมก็ให้สัมภาษณ์ไปเรียบร้อย แต่ถ้าบอกว่าผมเหวี่ยง ผมว่าถ้าพี่ๆ นักข่าวที่รู้จักผมจริงๆ ผม ไม่เคยเหวี่ยงเลยนะ ก็เป็นกันเองกับทุกคนมากนะครับ แต่ว่าผมเจอคำถามที่ไม่สมควรถาม และผมก็ไม่อยากที่จะตอบ แต่ผมก็ตอบไปแล้วด้วยนะ แต่เขาก็พยายามถามคำถามเดิม ผมไม่ได้เหวี่ยงนะ ผมก็พูดกับเขาดีๆ แต่ถามว่าผมมีอารมณ์โมโหไหมก็มีหน่อยนึง แต่ผมก็พูดกับเขาดีๆ”
     
“เขาก็ถามเรื่องส่วนตัวนี่แหละครับ ซึ่งผมก็ตอบพี่ๆ นักข่าวไปแล้ว คือถ้าจะบอกว่าทำไมผมถึงไม่เลี่ยงที่จะบอกว่าไม่ขอตอบคำถาม อันนั้นผมว่ามันก็ไม่จบครับ ผมก็พยายามให้ข่าวนะ เพราะผมก็รู้ว่าเหมือนกับน้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่าก็ช่วยๆ กัน เพราะก็เหมือนพี่น้องกัน และผมก็จะขอร้องทุกคน และผมว่าทุกคนก็คงเคยเห็นผมขอร้องมาแล้ว ซึ่งผมก็เห็นข่าวที่ออกมาแล้วครับ เห็นเป็นภาพนิ่งและคลิปตอนที่สัมภาษณ์”
     
“แต่ผมไม่ได้เหวี่ยงหรอกนะ ที่ ผมชี้ไปผมก็บอกว่าขอร้องนะน้อง อย่าเอาเทปไปออกแค่นั้นเอง ผมขอร้องเขา ผมไม่ได้ไปบังคับขู่ เพราะจริงๆ ผมมองว่าเราเป็นตัวอย่างของเยาวชน ไม่ใช่เอาออกไปทำให้เป็นตัวอย่างไม่ดีของเยาวชน แล้วที่ผมพูดว่าไม่มีจรรยาบรรณอันนั้นผมก็ต้องกราบขอโทษนะครับ ผมก็ไม่ได้รู้สึกดีนะ วันนั้นผมก็รู้สึกแย่ทั้งวัน ผมกราบขอโทษด้วยที่ผมใช้คำพูดอย่างนั้น ผมก็รู้ว่าผมไม่ควร เพราะนักข่าวส่วนใหญ่ไม่ได้เป็นอย่างนั้น”
     
“ซึ่งก่อนหน้าที่จะเป็นเรื่อง ผมหลีกเลี่ยงที่จะพูดหลายทีแล้ว จนผมก็รู้สึกว่าทำไมไม่ไปไหนสักที ผมหลีกเลี่ยงแล้ว ผมเป็นคนที่ไนซ์ที่สุด แล้วก็ให้ข่าวกับพี่นักข่าวทุกคน อันไหนที่ผมไม่ได้ ผมก็จะบอกว่าให้ได้แค่นี้นะ แล้วก็จบ แล้วถ้าไปดูคลิปจริงๆ ผมตอบคำถามที่น้องเขาถามแล้วนะ ผมตอบคำถามนั้นกับหมู่คณะไปแล้ว กี่สำนักไม่รู้ แต่เยอะนะครับ ผมตอบเคลียร์หมดแล้ว แล้วเขาก็อยู่ด้วยตอนนั้น แต่พอมาตอนหลังเขาก็ยังถามอยู่ แล้วก็คำถามเดิมด้วย ผมก็ไม่เข้าใจแค่นั้นเอง เอาชัดเจนเลยนะครับ ตอนที่ผมสัมภาษณ์กับน้องเขาคนเดียวผมก็ตอบคำถามไปแล้ว แต่น้องเขาก็ยังถามคำถามเดิมอีก ซึ่งผมตอบไปแล้วจะยังไงอีก”
     
บอก ขณะนั้นตนระงับอารมณ์ได้ดีที่สุดแล้ว แต่ยังโดนคำถามเดิมอยู่ และปกติก็ไม่ใช่คนที่ไม่ชอบพูดเรื่องส่วนตัว เพราะถ้าไม่พูดตั้งแต่ต้นก็คงไม่ออกมาบอกว่าตนมีแฟนแล้ว
     
“นั่นไม่ใช่ระงับอารมณ์ไม่อยู่นะ นั่นระงับอยู่แล้ว(หัวเราะ) คือคำถามมันไม่ไปไหนเลยครับ วนอยู่ที่เรื่องเดิมซึ่งผมก็ตอบไปแล้วด้วยไง ผมก็เลยเอ๊ะทำไมไม่ไปไหนสักที เหมือนจะต้องการให้ผมตอบสิ่งที่เขาต้องการเหรอ ซึ่งผมตอบไม่ได้ และเวลาผมให้ข่าวก็ให้ข่าวทุกคนเท่ากัน เพราะผมรักนักข่าวทุกคนเท่ากันครับ แล้วก็ไม่ใช่ว่าผมตอบไม่เคลียร์นะ เพราะผมตอบอย่างนี้กับนักข่าวทุกคนนะ ถ้าพี่ทุกคนที่เคยสัมภาษณ์ผมจะรู้ว่าผมตอบประมาณไหน”
     
“จริงๆ ก็ไม่ใช่ว่าผมไม่ชอบตอบเรื่องส่วนตัวหรอกนะ เพราะถ้าผมไม่พูด ผมคงไม่บอกว่าผมมีแฟนแล้ว เพราะก่อนหน้านั้นผมไม่มีข่าวเรื่องผู้หญิง ก็หาว่าผมเป็นเกย์ จะให้ผมทำยังไง ผมก็ต้องเลือกว่าผมจะเป็นผู้ชายหรือผมเป็นเกย์ ซึ่งผมเป็นผู้ชายผมก็บอกว่าผมมีแฟนแล้ว เป็นคนนอกวงการ ผมบอกได้แค่นั้นจริงๆ ผมบอกกับทุกคนว่าผมบอกเท่านี้นะ นักข่าวลองไปเช็คกันดูว่าผมให้แค่นั้นจริงๆ ไม่มีใครได้มากกว่าน้อยกว่า ผมรักทุกคนเท่ากัน”
     
“น้องเขาขอโทษผมก็จริง แต่ผมขอโทษเขาก่อนนะ ผมยกมือไหว้น้องเขาด้วย ซึ่งจริงๆ มันไม่จำเป็น แต่ผมก็รู้สึกว่าอันนี้เราทำไม่ดี ผมก็ขอโทษเขา ผมยกมือไหว้เขาถึงแม้เขาจะเป็นเด็กกว่าผม ผมก็ขอโทษ เขาก็ขอโทษผมเหมือนกัน แต่ผมขอโทษเขาก่อน ถ้าบอกว่าผมทำให้น้องเขารู้สึกแย่ แต่ตอนนั้นผมก็บอกแล้วว่าพี่ขอโทษนะ ที่อาจจะทำให้น้องเสียความมั่นใจไป แต่พี่ไม่อยากให้น้องเสีย แต่ในการเลือกคำถามควรจะดูนิดนึง แค่นั้นเอง ผมสอนเขาด้วยนะ”
     
 “ก็คงไม่ต้องเคลียร์กับน้องเขามั้งครับ ขอให้จบวันนี้ดีกว่า เราก็ไม่ได้ไปติดอะไรใคร แล้วผมก็ไม่อยากไปมีปัญหาอีก ขอให้จบเถอะ ผมก็ไม่ได้สบายใจที่จะมาตอบ แต่ถ้าบอกว่าผมรุนแรงกับน้องเขามากไป อันนี้ผมไม่ขอตอบดีกว่า มันต้องดูทั้งหมดนะ จะดูแค่บางส่วนไม่ได้ แล้วผมก็ไม่ได้อารมณ์ขึ้นตั้งแต่คำถามแรกแน่นอน ขอยืนยัน แล้วผมก็ขอโทษน้องไปแล้ว ผมมีพยาน แล้วน้องเขาก็บอกขอโทษผม แล้วผมก็ขอร้องเขาว่าอย่าเอาเทปไปออกนะ ผมขอ แต่ผมไม่ได้บอกว่าเฮ้ย น้องห้ามเอาเทปนี้ไปออก ผมไม่ได้สั่ง แต่ขอร้องกัน เพราะผมรู้ว่ามันเป็นหน้าที่เขา แต่นี่ผมรู้สึกว่ามันไม่ใช่ แต่สุดท้ายมันก็มีภาพนี้ขึ้น(หัวเราะ)”
     
“ผมไม่ได้ชี้ว่ากล้อง แต่พอหลังจากกลับมาแล้ว ผมก็รู้สึกว่าผมมีอารมณ์ ผมก็บอกเขาอีกทีว่าน้องครับ พี่กำลังโมโหนะครับ ผมบอกเขาเพราะเรารู้ว่าสภาวะตอนนั้นเราเกิดอะไรขึ้น แล้วเราไม่อยากมีปัญหา เราเลยเดินออกไปเท่านั้นเอง เพื่อให้เราสงบแล้วเราค่อนเดินเข้ามาใหม่ แต่ที่ว่าเรื่องจรรยาบรรณผมขอโทษไปแล้ว ผมแรง ผมขอโทษไปแล้ว จริงๆ ผมไม่ได้อยากจะว่านักข่าวทุกคน ผมอาจจะพูดแค่บางคนเท่านั้นเอง แล้วผมก็ไม่ได้เจาะจงน้องคนนั้น ผมบอกว่าผมจบวันนี้ ผมพยายามไม่มีปัญหากับใคร เพราะว่าตั้งแต่ 7 ปีที่เข้าวงการมาผมไม่เคยมีปัญหากับใครครับ ผมพยายามทำงานกับพี่ๆ น้องๆ นักข่าวแล้วก็เพื่อนร่วมงานให้ดีที่สุด ผมพยายามทำงานให้ดีที่สุดให้คุณผู้ชมได้ติดตามผลงานผม”
     
บอก ต่อไปถ้าโดนถามเรื่องส่วนตัวอีกก็คงจะขอร้องแบบเดิม พร้อมยกมือไหว้ขอโทษที่พูดแรงไป ยืนยันไม่ใช่พระเอกเทวดาที่ดังแล้วลืมตัว และเปลี่ยนไป เพราะตนก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองดังอะไร
     
“ผมไม่ได้บอกว่าน้องผิดนะครับ ถ้าน้องดูอยู่ พี่ไหว้เลยครับ(ยกมือไหว้) พี่ขอโทษแล้วกันนะครับ แค่นั้นเองน้อง ไม่มีอะไร พี่ไม่ติดใจนะครับ เพราะว่าอนาคตของน้องพี่ไม่อยากทำลาย แล้วพี่ก็ไม่ได้บอกว่าพี่ถูกนะ คือพี่ก็ถือว่าพี่ทำงานในวงการบันเทิงเหมือนกัน น้องก็ทำงานในวงการบันเทิงเหมือนกัน เราต่างคนต่างให้โอกาส แต่ถ้าน้องคิดว่าพี่ว่าน้องผิด พี่ยอมรับผิดเองดีกว่า เพราะพี่ถือว่าพี่อาวุโส พี่ไม่อยากไปทำอะไรกับคนอื่น ถ้าสมมติความผิดนั้นมันจะย้อนไปคนอื่น ผมรับผิดคนเดียวดีกว่าครับ”
     
“ผมเป็นพระเอกเทวดาเหรอ จริงๆ ผมก็เป็นอย่างนี้มา 7 ปีแล้วนะ(หัวเราะ) ผมก็เรื่อยๆ ของผม มีงานเรื่อยๆ ถ้าใครที่ได้รู้จักตัวตนจริงๆ ของผม ได้สัมผัสผม ได้เจอผม เขาจะรู้ว่าผมประมาณไหน อารมณ์ไหนเขาคงรู้ แต่ที่ว่าผมดังแล้วเปลี่ยนเนี่ย นี่ผมดังแล้วเหรอ(หัวเราะ) คนมองอย่างนั้นเลยเหรอ เสียใจนะเนี่ย จริงๆ ผมก็เหมือนเดิมนะ ใช้ชีวิตปกติ วันนี้ผมยังนั่งรถไฟฟ้ามาเลย ถ้าผมเป็นเทวดาผมคงลอยมาจากฟ้าแล้วก็ลงมา แต่นี่ยังนั่งรถไฟฟ้ามา”
     
“ก็เข้าใจว่าสื่อมีหน้าที่นำเสนอข่าวครับ อย่างที่บอกว่าน้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า เรียกใช้กัน ไหว้วานกัน เป็นพี่เป็นน้องกันดีกว่า เพราะผมก็ไม่ต้องการที่จะไม่ให้ข่าว ผมให้ข่าวทุกครั้งสังเกตดูถ้าถาม แต่ผมก็จะบอกว่าอันไหนผมให้ได้ อันไหนผมให้ไม่ได้บางคำถามนะ ผมก็จะขอร้องกันตรงๆ แค่นั้นเอง และถ้าครั้งต่อไปน้องเขามาสัมภาษณ์ผมก็ยินดีให้สัมภาษณ์ครับ เพราะผมก็ถือว่าผมก็เจอน้องๆ ฝึกงานมาเยอะเหมือนกัน ผมก็ให้โอกาสเขา เขามาขอถ่าย ผมก็โอเคไม่เป็นไร เพราะผมถือว่าทุกคนต้องมีก้าวเริ่มต้น ผมก็เคยเป็นนักแสดงที่เคยเจออย่างนั้นมาก่อน ผมก็รู้ว่ามันมีความผิดพลาด เพราะฉะนั้นเราให้โอกาสดีกว่า อย่าไปตัดโอกาสกันเลย”
     
“ซึ่งต่อไปถ้าเป็นไปได้ผมอาจจะใช้คำว่าขอร้องเหมือนเดิม แล้วก็อาจจะให้พี่ๆ ช่วยกัน แต่ผมก็คงตอบเหมือนเดิม ผมเป็นยังไงก็เป็นอย่างนั้น ก็ขอบคุณนะครับทุกคนที่เป็นห่วง(ยิ้ม) ก็คงไม่รู้จะทิ้งท้ายยังไง เพราะผมก็ไม่ได้ติดค้างอะไร ผมก็อยากจะขอให้จบเพราะผมก็ไม่ได้มีปัญหากับใคร แล้วผมก็ไม่อยากมีปัญหากับใครด้วย ทุกอย่างที่ทำถ้ามันออกไปดูไม่ดี และใครที่ได้เห็นข่าว ก็ขอโทษที่อาจจะเป็นภาพที่มันดูรุนแรง แต่จริงๆ มันไม่มีอะไรนะครับ”

“เวียร์” ปัดคว้า “ใบเฟิร์น” ดามใจ แอบเศร้าวันเกิดไร้ของขวัญ “แพนเค้ก”

ถึงจะกลับมาโสดแล้ว แต่พระเอกหนุ่ม “เวียร์ ศุกลวัฒน์ คณารศ” ก็ดูเหมือนจะไม่ค่อยเหงาสักเท่าไหร่ เพราะเริ่มมีข่าวกับสาวๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง คนล่าสุดที่ถูกจับตามองก็คือ “ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก ลือวิเศษไพบูลย์” นักแสดงสาวรุ่นน้องที่ร่วมเล่นละครเรื่อง “มนต์รักแม่น้ำมูล” ด้วยกัน แถมพระเอกหนุ่มยังอาสาเป็นสารถีคอยขับรถไปรับไปส่งอยู่ไม่ได้ขาด สบโอกาสเจอทั้งเวียร์และใบเฟิร์นในงานเดียวกัน จึงสอบถามไป ซึ่งหนุ่มเวียร์ก็ไม่ปฏิเสธ ยอมรับว่าไปรับไปส่งจริง แต่พอละครปิดกล้องก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย พร้อมเผย แม้จะชอบเด็ก แต่ “ใบเฟิร์น” ก็ยังเด็กเกินไปอยู่ดี
     
“ไม่ถึงกับเป็นสารถีให้น้อง หรอกครับ คือช่วงแรกๆ ก็มีบ้าง เวลาที่ไปถ่ายสระบุรีแล้วเราถ่ายด้วยกัน แล้วบางทีมันต้องตื่นเช้านั่งรถตู้ ก็เลยบอกว่าเฟิร์นไปกับพี่ก็ได้ ไม่ต้องตื่นเช้าหรอก เพราะถ้าไปรถตู้ต้อง 6 โมงเช้า เอ็งก็ต้องตื่นตี 5 นะโว้ย แต่ถ้าไปกับพี่ 8-9 โมงก็ไปได้ ก็เลยไปกัน แต่ก็ไปอยู่สักระยะนึงครับ ถ้าผมสะดวกก็ไปกัน แต่ก็ไม่มีอะไร แล้วบ้านก็อยู่แถวมีนบุรีด้วยกันครับ แต่ที่ไม่ไปรับจุ๋ยก็เพราะเขามีรถตู้ มีคนขับเองครับ แต่ผมพี่น้องก็ไปด้วยกัน ประหยัดน้ำมันด้วย”
     
“ไม่มีกิ๊กนอกจอครับ ขอโสดสัก 2 ปีเถอะ โสดก็ดีออก ไม่ใช่โสดแล้วงานเยอะหรอกครับ ธรรมดา แต่ถ้าจะมีก็มีเองแหละ แต่ ที่แป้ง(อรจิรา แหลมวิไล) บอกว่าผมชอบเด็ก ผมก็คุยกับเขาแล้วล่ะเพราะถ่ายละครด้วยกัน ผมก็บอกเขาว่าแป้งได้ข่าวว่าคุณไปบอกว่าผมชอบเด็กเหรอ เขาก็บอกไม่ใช่แป้งแน่นอน ก็จ๊ะ ขอบคุณมาก(หัวเราะ) แต่ก็แน่นอนครับ ต้องชอบคนที่อายุน้อยกว่า แต่ใบเฟิร์นนี่น้อยไป(หัวเราะ) เอาสัก 21 มีมั้ย”
     
“ตั้งแต่มีข่าวก็ไม่ได้คุยกับน้องเขาหรอกครับ ขำๆ กันไป เพราะจริงๆ ก็ไม่มีอะไร เป็นน้องที่ร่วมงานด้วยกัน เขาก็น่ารัก แม่เขาก็มาส่ง อาจจะเพราะผมโสดพอใกล้ใครก็มีข่าวนิดนึง แต่จริงๆ ไม่มีอะไรครับ ผมก็ปกติ ไม่ได้มีความรักอะไรตอนนี้ ทำงานอย่างเดียวครับ ตอนนี้มีละคร 3 เรื่อง และตอนนี้ก็ปิดกล้องไปแล้วด้วย ไม่ได้ไปรับไปส่งแล้ว ไม่เสียใจหรอกครับ(หัวเราะ)”
     
เผย ช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมาได้มีโอกาสหยุดยาวจึงกลับบ้านที่ขอนแก่น ก็เลยถือโอกาสไปผ่าตัดซีสต์ที่หน้าอกออก

“ช่วงสงกรานต์มีไปผ่าตัดหน้าอกด้านขวามาครับ ไม่ใช่หัวใจนะครับ นึกว่าไปผ่าเพราะหัวใจแตกสลายใช่มั้ย(หัวเราะ) คือไม่ใช่หรอก ไปผ่าเพราะมันมีก้อนเนื้อผิดปกติ เหมือนซีสต์น่ะครับ มันเป็นมานานแล้ว แต่ยังไม่มีโอกาสไปผ่าออกสักที พอดีช่วงนั้นว่างก็เลยไป แล้วมันต้องใช้เวลา 10 วัน ผมก็ได้หยุดตั้งแต่วันที่ 9 กลับมาทำงานอีกที 20 ก็เลยกลับไปทำให้เรียบร้อย พอดีแม่อยู่ด้วย ก็เลยให้แม่ดูแล ขนาดที่ผ่าไปก็ใหญ่อยู่นะครับ ประมาณฝ่ามือเด็ก อยู่ช่วงเกือบใกล้ๆ หัวใจครับ ตอนนี้ยังเจ็บอยู่นิดหน่อย ต้องใช้เวลาอีกประมาณเดือนครึ่งให้มันหายสนิทเลย”
       

แอบเศร้าช่วงวันเกิดที่ผ่านมาอดีตหวานใจ “แพนเค้ก เขมนิจ จามิกรณ์” เฉยเมย ไม่ได้ให้ของขวัญวันเกิด
     
“วันเกิดที่ผ่านมาก็มีได้ของ ขวัญจากแฟนคลับครับ แล้วก็จากญาติๆ เพื่อนๆ แล้วก็คุณแม่ก็มีของขวัญมาให้ ก็ตอนช่วงสงกรานต์ที่ผมกลับไปก็มีมาให้เยอะเหมือนกัน (แพนเค้กได้ให้อะไรหรือเปล่า?) น้องแพนไม่ได้ให้ครับ(เสียงอ่อย)”

     

“เป้” ไม่สนข่าวคบ “แพนเค้ก” แล้วโดนสูบ ป้อง ตั้งแต่รู้จักมาไม่เคยยุ่งเรื่องเงิน

ตั้งแต่พระเอก "เป้ อารักษ์ อมรศุภศิริ" มีข่าวพัวพันมีความสัมพันธ์คลุมเครือกับนางเอกดัง "แพนเค้ก เขมนิจ จามิกรณ์" ดูเหมือนไม่ว่าคู่นี้จะขยับตัวทำอะไรก็ถูกจับตามมองไปซะหมด ล่าสุดก็มีเรื่องให้หนุ่มเป้ต้องสะดุ้งอีกครั้ง หลังมีข่าวเม้าท์ทำนองว่า ให้ระวังจะโดนสูบเงินในกระเป๋าเหมือนที่หนุ่มคนใกล้ชิดของฝ่ายหญิงเคยโดนมา เจอเข้าไปแบบนี้ทำเอาหนุ่มเป้ออกอาการเห็นใจแพนเค้ก พร้อมปกป้องตั้งแต่รู้จักกันมาฝ่ายหญิงวางตัวดีมาตลอด
     
“เรื่องข่าวที่เขียนว่าน้อง แพนจะมาสูบเงินผมเรื่องนั้นไม่มีเลยครับ คือแม่แพนกับผมก็คุยกันโอเคครับ ไม่ได้มีการเข้ามาทำอะไรเลย ไม่ว่าจะซื้ออะไรก็เป็นเรื่องของผมทั้งนั้น แล้วก็เขากับแม่น้องแพนก็ไม่ได้มายุ่งวุ่นวายกับอะไรของผมเลย เขาทำตัวดีวางตัวดีมาตลอด แล้วอีกอย่างผมทำอะไรก็คือการตัดสินใจของผมทั้งนั้น ผมจะไปทำอะไรมันก็เป็นเรื่องของผมอยู่แล้ว”
     
“ถามว่าโกรธไหมกับข่าวนี้ ก็น่ารักดีครับ (หัวเราะ) ก็หมายความว่าเออ เวลาเขามีเรื่องราวเขียนถึงใครก็จะมีอะไรให้มาถาม ให้มาคุยกัน ก็คงเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ผมก็คิดว่าผมจะเลิกอ่านไปเลยครับ มันไม่ได้มีประโยชน์กับตัว คือมันจะสนุกสนานในแง่ของการที่คนอ่าน แต่ว่าพอตัวเองหรือว่าคนที่เรารู้จักอยู่ในข่าวมันก็ไม่ได้รู้สึกดีเท่าไหร่ ครับ แล้วก็ข่าวก็อย่าไปเชื่อมากนะครับ ไม่ค่อยจริงเท่าไหร่”
     
“ข่าวนี้กับน้องแพนก็ได้คุยกันครับ เขาไม่ซีเรียสเขาก็ขำๆ มากกว่า เขาก็โดนมาแล้ว ตัวผมก็เคยมีประสบการณ์ว่าแบบตอนนั้นที่ก้อยก็ยังโดนถากถาง ตอนนั้นก็ตื่นเต้นกว่าตอนนี้นิดหน่อยครับผม ตอนนี้ค่อนข้างชิลล์ๆ ผมก็สบายๆ และก็ไม่ต้องคอยระวังอะไรกับข่าวแบบนี้เพราะไม่เห็นมีความจำเป็นต้องระวัง เขาใช้คำพูดแบบนี้ผมจะต้องสนใจทำไม”

“จั๊กจั่น” ไม่เชื่อโดน “บอย” แกล้งปลดจากละคร มั่นใจเป็นผู้ใหญ่ที่น่ารัก

เล่นเอาดาราสาว “จั๊กจั่น อคัมย์สิริ สุวรรณศุข” ผวาอยู่นานว่าตาอาจจะบอด เพราะจู่ๆ ช่วงหลังสงกรานต์ที่ผ่านมาก็ต้องวิ่งโร่เข้าโรงพยาบาลแต่เช้าตรู่ เพราะอาการตาขวาปวดมากจนลืมไม่ขึ้น แถมมีน้ำตาไหลตลอด และพอไปถึงโรงพยาบาลหมอก็ทำการย้อมสีที่ตาไปหลายรอบ และวินิจฉัยโรคออกมาว่าเป็นอาการของจอประสาทตาอักเสบ และเยื้อบุตาอักเสบ เจ้าตัวเลยต้องพักงานยาวถึง 5 วัน แถมต้องปิดตาข้างขวาไว้ตลอดอีกด้วย แต่โชคดีที่ตอนนี้อาการดีขึ้นจนเกือบหายเป็นปกติ แต่ก็ยังต้องคอยล้างตาด้วยน้ำเกลือทุกวัน และหยอดยาอยู่ตลอด
     
“อาการตอนนี้ดีขึ้นมากแล้วค่ะ หลังจากที่พักไป 5 วัน ตอนนี้กลับมาแต่งหน้าได้แล้ว แต่ยังหายไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ คุณหมอบอกว่าน่าจะประมาณเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ แต่ก็ยังต้องคอยหยอดยา ทานยาเช้า กลางวัน เย็น ก่อนนอน คุณหมอบอกว่าเป็นจอประสาทตาอักเสบ แล้วก็เยื่อบุตาอักเสบ สาเหตุเกิดได้หลายอย่างค่ะ อาจจะเกิดจากความเครียดก็ได้ แต่ของจั่นไม่ใช่สาเหตุนั้นนะ ก็อาจจะเป็นเพราะว่าเราพักผ่อนน้อย และเวลาเราแต่งหน้าหรือโดนฝุ่น โดนควันก็อาจจะเป็นเชื้อโรคสะสมอยู่ แล้วพอร่างกายเราอ่อนแอมันก็จะเกิดอาการนั้นขึ้นมา”
     
“ก็หยุดงานไป 5 วันเลยค่ะ ค่อนข้างเกรงใจเพราะว่าจั่นเป็นตอนตี 3 เพราะมันปวดจนต้องตื่นขึ้นมา แล้วก็ตกใจเพราะลืมตาไม่ขึ้น น้ำตาไหลตลอด ก็ค่อนข้างกังวลเพราะวันรุ่งขึ้นต้องลงไปชุมพรไปถ่ายหนัง แล้วคุณหมอก็บอกว่าไม่ได้จริงๆ เพราะถ้าลงไปถ่ายหนังในฉากก็ต้องร้องไห้เยอะ เขาก็เลยบอกว่าให้พักก่อน แต่จั่นก็ค่อนข้างเกรงใจกองหนัง ตัวจั่นเองก็กลัวตาจะบอด แต่ถามคุณหมอแล้วก็บอกว่าไม่ถึงขนาดนั้น เพียงแต่ที่กังวลเพราะมันยังวินิจฉัยอาการในตอนแรกไม่ได้ เพราะมันปวดมาก ก็หยอดสีที่ตา 3 รอบ แล้วก็หยอกยาชาถึงจะค่อนยังชั่ว”
     
“ตอนแรกกังวลมากเพราะหยอดสีที่ตาดูก็ไม่ได้เป็นแผล ไม่ได้เป็นอะไรเลยก็เลยยิ่งกังวล แต่พอตอนหลังวินิจฉัยโรคได้ก็เลยโอเค ตอนนี้ก็ต้องล้างตาด้วยน้ำเกลือทุกวันค่ะ และถ้าวันไหนหยุดก็ไม่แต่งหน้า ซึ่งปกติก็ไม่แต่งอยู่แล้ว และถ้าวันไหนต้องติดขนตาปลอมก็จะใช้แบบครั้งเดียวทิ้ง เรื่องคอนแทคเลนส์คุณหมอก็แนะนำว่าคนไหนที่ใส่ซ้ำๆ ก็ให้ทำความสะอาดให้ดี แต่ดีที่จั่นไม่ได้ใส่อยู่แล้ว แต่โอกาสที่จะกลับมาเป็นได้อีกก็มีค่ะ ถ้าสมมติร่างกายเราอ่อนแอ และไปได้รับเชื้อโรคอะไรอีก แต่จั่นคิดว่าไม่อยากจะเป็นแล้วล่ะ(หัวเราะ) ก็พยายามล้างน้ำเกลือที่ตาและหยอดตาบ่อยๆ แล้วคุณหมอก็ให้ยาแก้ปวดเป็นสเตียรอยด์มาเผื่อเอาไว้ เพราะเวลาปวดมันจะปวดมาก”
     
เผย ข่าวที่ว่าโดน “บอย ถกลเกียรติ วีรวรรณ” แห่งค่ายเอ็กแซ็กท์อดีตต้นสังกัดเก่าปลดจากละครเรื่อง “ภาพอาถรรพ์” เนื่องจากไม่พอใจที่จั๊กจั่นฉีกสัญญาเอ็กแซ็กท์ แล้วหนีไปอยู่กับช่อง7 นั้นไม่เป็นความจริง
     
“เรื่องโดนปลดอันนี้จั่นต้องบอกก่อนว่าจั่นเป็นนักแสดงช่อง เวลาจั่นจะเล่นละครอะไรแต่ละเรื่องส่วนใหญ่จะเป็นผู้ใหญ่ของช่องโทร.มาบอก กับผู้จัดการหรือโทร.มาบอกทางจั่นเอง แต่เรื่องภาพอาถรรพ์ จั่นไม่ได้รับแจ้งจากทางผู้ใหญ่ช่องเลย จั่นก็เลยถือว่าเรายังไม่ได้รับคำสั่งให้เล่นละครเรื่องนี้ ก็งงๆ เหมือนกันที่มีข่าวออกมา แต่ก็ไม่ได้ซีเรียสอะไร เพราะจั่นเกิดมาจากพี่บอย อยู่กับพี่บอยมา 7 ปี จั่นรู้ว่าพี่บอยเป็นผู้ใหญ่ที่น่ารัก”
     
“แต่ที่เขาบอกมาว่าจั่นโดนถอดเพราะพี่บอยไม่ปลื้ม จั่นเชื่อว่าพี่บอยไม่ได้เป็นแบบนั้น เพราะจั่นก็ทำงานมา 7 ปี และเรื่องการย้ายค่ายหรือย้ายสังกัดมันก็เป็นเรื่องธรรมดาของคนในวงการ ก็เลยไม่น่าจะเกี่ยวอะไร และเวลาทุกครั้งที่มีข่าวออกมาจั่นก็จะเกรงใจ เพราะมันกระทบไปถึงทั้งผู้ใหญ่ช่อง ทั้งพี่บอย ซึ่งจริงๆ แล้วมันไม่ได้มีอะไรเลย เราเป็นนักแสดง จั่นมีอาชีพรับจ้าง ใครจ้างไปเล่นอะไรจั่นก็ถือว่ามันเป็นโอกาสที่ดีที่ได้ไปเล่น ถ้าได้เล่นเรื่องนี้กับเอ็กแซ็กท์จริงๆ ก็ดี เพราะถือว่าเราได้กลับไปบ้านเกิด ก็ดีใจไม่มีอะไรค่ะ”
     
พร้อมปัดกระแสหมอดูที่ออกมาทักว่าจะมีคู่ร้างหลายคู่ที่ได้กลับมารี เทิร์นกัน และมีคู่ตนกับอดีตหวานใจอย่าง “ชาคริต แย้มนาม” ด้วย เจ้าตัวเผยว่าไม่มีทาง เพราะไม่ได้เจอและคุยกันเลย
     
“โอกาสรีเทิร์นไม่มีหรอกค่ะ(หัวเราะ) ไม่ได้เจอ ไม่ได้คุยกันเลย แต่ว่าไม่ได้โกรธกันนะคะ เป็นเพราะสายงานไม่ได้เจอกันมากกว่า แต่ถ้าเจอก็ร่วมงานกันได้ปกติค่ะ”

"พ่อพิ้งกี้" โวยคลิปเสียงลูกสาวถูกตัดต่อ เผยมีการเตรียมเอกสารฟ้องคนปล่อยคลิป

หลังจากประกาศบินไปเรียนต่อเมืองนอก “พิ้งกี้ สาวิกา ไชยเดช” ก็หายเงียบไปจากวงการ ส่งผลให้กระแสข่าวมือที่สามระหว่าง “ธัญญาเรศ-เป๊ก สัณชัย เองตระกูล” เงียบหายไปด้วย แต่ล่าสุดก็มีคนปล่อยคลิปเสียงที่ฟังคล้ายดาราสาวว่อนเน็ต โดยคราวนี้ไม่ใช่เสียงสนทนาเหมือนคราวก่อน แต่เป็นลักษณะเหมือนการส่งเสียงผ่านโทรศัพท์แบล็กเบอร์รี่ หวานหยดชนิดใครฟังก็อึ้ง นอกจากนั้นแล้วก็ยังมีเสียงผู้ชายอีกด้วย ปิดท้ายด้วยเสียงของหญิงสูงอายุที่พูดชื่อ “เป๊ก” กับ “ลูกพิ้งกี้” ซึ่งคลิปเสียงดังกล่าวถูกตัดต่อร้อยเป็นเรื่องราวใส่ภาพพิ้งกี้ประกอบ เหมือนจงใจจะบอกคนฟังว่า เจ้าของเสียงเป็นใคร ? ซึ่งทันทีที่คลิปนี้ถูกปล่อยว่อนเน็ต งานนี้ตำนานเรื่องสาหรี่ลี้รักจึงถูกนำกลับมาวนฉายใหม่เป็นที่วิพากษ์ วิจารณ์ในโลกออนไลน์กันอีกครั้ง
     
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่คลิปเสียงถูกนำมาเผยแพร่ตามเว็บไซต์ต่างๆ ล่าสุดทีมข่าว “บันเทิง ASTV ผู้จัดการออนไลน์” จึงได้โทรศัพท์ไปติดต่อสอบถามนางเอกสาว พิ้งกี้ สาวิกา ถึงเรื่องคลิปเสียงดังกล่าว แต่เนื่องจากพิ้งกี้และคุณแม่นั้นเดินทางไปอยู่ต่างประเทศ "สมาน ไชยเดช" คุณพ่อของพิ้งกี้เป็นผู้รับโทรศัพท์ ผู้สื่อข่าวจึงสอบถามถึงเรื่องดังกล่าวว่า เป็นคลิปเสียงของพิ้งกี้หรือไม่
     
“ข่าวนั้นนะเหรอทราบแล้ว ข่าวมันคงเป็นการตัดต่ออะไรกันมาล่ะ เพราะตัวน้องเขาไม่อยู่ไปเรียนอยู่ที่เมืองนอกประเทศแถบยุโรป คุณแม่เขาก็ไม่อยู่ไปด้วยกันไปประมาณร่วมสองเดือนได้แล้ว พ่อไม่อยากที่จะพูดออกความเห็นอะไรแล้วพ่อเห็นคลิปแล้วมีคนเอามาให้ดู แต่ไม่อยากที่จะให้สัมภาษณ์แล้ว อย่างที่คนเขารู้อะไรกันเยอะแยะมันอะไรกันก็ไม่รู้เรื่องไม่จบสักที”
     
“ที่ผ่านมาเรายังไม่ได้พูดอะไรสักคำหนึ่ง ไม่ได้อะไรกับเขาเลย แต่เดี๋ยวก็มีเรื่องนั้นเรื่องนี้มา แต่ก็ยังมีข่าวว่าน้องงานไม่มีเขาไม่ให้เรื่องมาก เรื่องงานเป็นพรีเซ็นเตอร์ไม่ให้แล้ว เขาไม่จ้างอย่างนั้นอย่างนี้ นี่ขนาดยังไม่ได้ออกไปพูดสักคำ ถ้าพูดมากเดี๋ยวก็หาว่าบีบน้ำตาอะไรก็ไม่รู้ ทั้งที่ผ่านมาเราไม่ได้ทำอะไรเลยได้แต่เป็นฝ่ายรับอยู่ฝ่ายเดียว ใครจะบอกให้ฟ้องเราก็ไม่อยากที่จะไปอะไรด้วย”
     
“แต่ ครั้งที่แล้วก็ยอมรับว่ามีการคิดดูๆ กันมีการรวบรวมเอกสาร แต่เราก็ไม่อยากที่จะทำ พ่อไม่ได้เป็นคนปากจัดหรือลูกเราไม่ได้ปากจัด เราไม่อยากที่จะให้มีเรื่องมีราวให้ดูๆกันไปแล้วกัน ตัว พิ้งกี้เองเขาก็คงได้รับข่าวแล้วเหมือนกัน เพราะเดี๋ยวนี้ข่าวสารมันไวพอๆกับบ้านเรา เมื่อวานเขาก็โทรมาหาพ่อเดี๋ยวแค่นี้ก่อนนะ พ่อไม่อยากที่จะพูดอะไรมากไม่ยอมหยุดกันสักที” จากนั้นก็รีบตัดสายทิ้งไปทันที



ที่มาจาก ASTV

“แหม่ม จินตรา” เดี้ยง! จักรยานล้มกระดูกขาร้าว ต้องใส่เหล็ก 2 ปี

เล่นเอาหลายๆ คนที่เห็นอดีตนางเอกสาว “แหม่ม จินตรา สุขพัฒน์” เดิน โดยที่ต้องใช้ไม้เท้าในการประคองตัวถึงกับตกใจ ว่าไปเกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ซึ่งเรื่องนี้เจ้าตัวก็เผยว่า เพิ่งไปทำงานที่ต่างจังหวัดและขี่จักรยานเสือภูเขาเล่นกับเพื่อนๆ แต่ประสบอุบัติเหตุล้ม จึงทำให้เอ็นที่ขาฉีก และกระดูกร้าว
     
“เกิดอุบัติเหตุนิดหน่อยค่ะ คือไปงานที่ต่างจังหวัดแล้วเผอิญที่โรงแรมเขามีจักรยานเสือภูเขา เราก็ไปยืมจักรยานเขาไปขี่ริมชายหาดกัน(หัวเราะ) ไปกันเป็นกลุ่มค่ะ แล้วพอดีน้องที่อยู่ข้างหน้าเขาล้ม แหม่มตามมากระชั้นชิดก็เลยล้มไปด้วย เจ็บมาก พอลงไปรู้สึกเลยเพราะเดินไม่ได้เลย แต่ตอนแรกคิดว่าแค่เอ็นฉีกเพราะเคยเป็นมาแล้ว ก็พยายามลุกเดิน แล้วพอดีมีโรงแรมใกล้ๆ พอดีจำชื่อไม่ได้น่ารักมาก เขาเอารถโรงแรมมารับไปส่งที่โรงแรมที่แหม่มพัก ทางโรงแรมเขาก็ปฐมพยาบาลเบื้องต้นเรียบร้อย”
     
“เราก็ลองพยายามขยับข้อเท้าดูว่ามันก็ไม่หัก ก็คงโอเค ก็ลองใช้ไม้เท้าของโรงแรมลงเดินเข้างาน เดินไปทานอาหารตอนกลางคืน แต่พอตอนเช้าตื่นมาขาบวมเป่งเลย(หัวเราะ) พอกลับมาที่กรุงเทพฯ ก็เลยไปหาหมอ คุณหมอก็บอกว่ากระดูกเราไม่ใช่แค่เอ็นฉีก แต่กระดูกร้าวด้วย แล้วความที่เราลงเดินก็ทำให้น้ำหนักเราทับลงไปอีก ทำให้ที่ร้าวมันแยกออก พอแยกเกิน 2 มิล ก็เลยจะต้องผ่าแล้วก็ใส่เหล็ก จริงๆ ก็เข้าเฝือกได้แต่ว่าต้องใส่ 2 เดือน นานมาก และไม่แน่ใจว่ารอยที่แยกออกมันจะมาบรรจบกันเท่าเดิมหรือเปล่า พอได้ยินว่า 2 เดือนแหม่มก็บอกว่าไม่ได้แน่เพราะต้องถ่ายละคร เราใส่เฝือกทำงานไม่ได้”
     
“ส่วนเหล็กนี่ก็ต้องใส่ไว้อีก 2 ปีค่อยมาดูกันอีกทีถ้ามันไม่มีปัญหาก็อยู่ต่อไป แต่มันอันนิดเดียวเองค่ะ คุณหมอก็บอกว่าตอนนี้ยังไม่ให้เดินลงน้ำหนักมาก อย่างน้อยหลังจากที่ผ่าตัดแล้วก็ประมาณอีกสัก 10-12 อาทิตย์ แต่นี่ก็ประมาณ 8 อาทิตย์แล้ว แต่แหม่มก็ใจร้อนอยากเดินได้เร็วๆ ก็ลองเดินๆ ดู ปรากฏข้อเท้าบวมอีก(หัวเราะ) มันก็จะซ้ำแล้วซ้ำอีก คุณหมอก็เลยบอกว่าไม่ได้นะ อย่าเพิ่งเพราะว่าเอ็นที่อยู่รอบๆ แผลมันยังไม่แข็งแรงพอค่ะ”
     
เผย ช่วงนี้ยังต้องระวังเรื่องเดินและที่สำคัญห้ามล้ม เพราะจะยิ่งทำให้กระดูกและเอ็นไม่เข้าที่ และต้องมานั่งนับหนึ่งใหม่ เลยทำให้ช่วงเดือนที่ผ่านมาต้องพักงานถ่ายละครไปร่วมเดือนแล้ว
     
“ตอนนี้ก็ต้องระวังเรื่องล้มค่ะ เพราะถ้าล้มมันก็อาจจะซ้ำและรอยร้าวตอนนี้แคลเซียมมันเริ่มขึ้นมาเกาะแล้ว ล่ะ แต่ยังบางอยู่ ถ้าเกิดเราล้มตอนนี้มันก็เป็นขึ้นมาอีกทีนึง และอายุขนาดนี้แล้วก็ไม่ใช่จะติดกันง่ายๆ(หัวเราะ) แต่ก็ใกล้จะหายแล้วล่ะค่ะ จริงๆ ก็เดินได้แต่ก็ต้องพยุงไว้นิดนึงดีกว่า เพราะว่าเราไม่ใช่เด็กๆ แล้ว เราก็ต้องระวังตัว ถ้าเกิดเราลื่นขึ้นมา ช่วงสงกรานต์เลยไม่กล้าไปไหนเลย กลัวลื่น ก็เลยอยู่บ้าน เพราะกลัวที่สุดถ้าเกิดเราลื่นมันก็หลายๆ อย่าง เพราะแหม่มเคยสะโพกหัก แต่ตอนนี้แข็งแรงแล้ว”
     
“นี่ก็พักมาเป็นเดือนแล้วค่ะ ละครก็หยุดไปเลยเป็นเดือนเพราะว่าเดินไม่ได้ ตอนนี้พอเริ่มลงน้ำหนักได้ก็เริ่มทำงาน คุณหมอก็นัดไปเช็คดูทุกเดือนค่ะ อย่างน้อยจากนี้ก็อีก 2 สัปดาห์ไปพบหมออีกที แต่คุณหมอก็บอกว่าจะกลับมาเหมือนเดิมปกตินะคะ อยู่ที่การดูแลของเราว่าเราจะไม่ลงน้ำหนักมากจนเกินไป ให้เอ็นที่มันฉีกไปแล้วกลับคืนสู่สภาพเดิมให้เร็วที่สุด ถ้าเกิดยังไปลงน้ำหนักมันก็จะซ้ำแล้วซ้ำอีก เดี๋ยวก็อักเสบ เดี๋ยวก็บวมมันก็จะเรื้อรัง”
     
“จริงๆ ก็ไม่ได้บอกใครนะคะ แต่เผอิญคุยกับเพื่อนในเฟซบุ๊ค น้องๆ แฟนคลับเขาก็แสดงความเป็นห่วงกัน ทุกวันนี้ก็ยังถามไถ่กันอยู่ว่าดีขึ้นหรือยังพี่แหม่มเป็นยังไงบ้าง แหม่มก็ตอบว่าโอเคค่ะ ยังเป๋อยู่(หัวเราะ) ก็ขอบคุณน้องๆ พี่ๆ เพื่อนๆ ทุกคนนะคะที่เป็นห่วง แล้วก็สอบถามกันมาเรื่อยๆ ว่าเป็นอย่างไรบ้าง ตอนนี้ก็ดีขึ้นแล้วเพียงแต่ว่ารอเวลาให้กระดูกมันสมานกันดีขึ้นกว่านี้ รับรองว่าเดินได้ปกติ ไม่เป๋ค่ะ(หัวเราะ)”

"อาร์โนลด์" เตรียมรีเทิร์นเป็น "คนเหล็ก" ใน The Terminator 5

Deadline.com รายงานว่ากำลังมีการพูดคุยเจรจาระหว่างเอเยนต์ของ อาร์โนลด์ ชวาร์เซเน็กเกอร์ และผู้กำกับ จัสติน ลิน เพื่อเสนอโครงการหนัง The Terminator หรือ “คนเหล็ก” ภาคใหม่ให้กับบริษัทผู้สร้าง
     
โดยขณะนี้ยังไม่มีรายงานเรื่องผู้เขียนบท แต่หนังอาจจะได้ โรเบิร์ต คอร์ต มาทำหน้าที่อำนวยการสร้าง ซึ่งตามรายงานมีสตูดิโอยักษ์ใหญ่อย่าง Universal, Sony, Lionsgate และ CBS Films ที่แสดงท่าทีสนใจในโปรเจ็คยักษ์ชิ้นนี้ สอดคล้องกับข่าวเมื่อเร็ว ๆ นี้ ที่มีรายงานจาก The Hollywood Reporter เช่นเดียวกันว่า Universal กำลังอยู่ระหว่างการพูดคุยเรื่อง The Terminator ภาคใหม่
     
ก่อนหน้านี้ Lionsgate และ Sony เคยร่วมกันพยายามคว้าสิทธิ์การสร้างหนัง The Terminator ภาคใหม่ภายหลัง Halcyon Group ผู้ถือสิทธิ์การสร้างต้องเข้าสู่การล้มละลาย แต่สุดท้ายก็พลาดโอกาสไป
     
ซึ่งกลายเป็นกองทุนป้องกันความเสี่ยง Pacificor ที่ได้สิทธิ์การสร้างตอนใหม่ของหนังภาคต่อสุดฮิตเรื่องนี้ไปครอง ด้วยมูลค่า 29.5 ล้านเหรียญฯ พร้อมข้อตกลงว่าจะจ่ายเงินเพิ่มให้กับ Halcyon Group ภาคละ 5 ล้านเหรียญฯ สำหรับหนัง The Terminator ตอนต่อ ๆ ไปในอนาคต
     
อาร์โนลด์ ชวาร์เซเน็กเกอร์ เป็นซุปเปอร์สตาร์ที่โด่งดังถึงขีดสุดในยุค 90s จากผลงานอย่าง Conan the Barbarian, Commando และ Predator แต่หนังที่ถือว่าเป็นผลงานชิ้นเอก และทำให้เขาถูกจดจำมากที่สุดก็คือการรับบทเป็น หุ่นยนต์ล่าสังหารใน Terminator ทั้ง 3 ภาค
     
ซึ่งหลังจากทำหน้าที่ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนียอยู่ถึง 8 ปี ดาราแอ็กชั่นชื่อดังได้หวนคืนสู่วงการบันเทิงอีกครั้งแล้ว โดยเขาเคยกล่าวถึงแผนการกับอาชีพนักแสดง ในการให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ Kronen Zeitung ของออสเตรียว่า
     
“ในอนาคตผมจะพยายามรับบทที่เหมาะสมกับอายุให้มากกว่านี้ เป็นสิ่งที่ คลินต์ อีสต์วูด ได้เคยทำสำเร็จมาแล้ว การแสดงฉากแอ็กชั่นหนัก ๆ เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้อีกแล้ว ผมอยากจะส่งเสริมตัวเองในฐานะนักแสดงมากขึ้น และเชื่อว่าน่าจะทำได้ ผมก็เป็นเหมือนฟองน้ำนั่นแหละครับ สามารถดูดซับความรู้ และพยายามจะเรียนรู้อะไรใหม่ ๆ ตลอดเวลา”
     
โดยหลังจากกลับสู่วงการ อาร์โนลด์ กำลังจะมีผลงานเป็นการสร้างสรรค์ตัวการ์ตูน The Governator ร่วมกับ สแตน ลี ที่อ้างอิงเนื้อหามาจากประวัติส่วนตัวของเขา นอกจากนั้นยังมีข่าวว่าเขาจะร่วมแสดงในหนัง The Last Stand ของ ผู้กำกับชาวเกาหลีใต้ คิมจีวุน ซึ่งอธิบายว่าหนังเรื่องนี้จะเป็นส่วนผสมของ High Noon และ Die Hard ด้วย

"บียอนเซ" ถูกเรียก "ดีว่าใจร้าย!" โดนฟ้อง "ร้อยล้านเหรียญ" จากบริษัทเกมส์

บียอนเซ โนว์ลส์ นักร้องสาวชื่อดังถูกเรียกเป็น ดีวาใจร้าย และเปรียบเทียบเธอเป็น Grinch ( ตัวการ์ตูนชื่อดังในหนังสือ How the Grinch Stole Christmas! ที่ทำลายวันคริสต์มาสแสนสุขของผู้คนเสียย่อยยับ ) หลังจากที่บริษัทวิดีโอเกมส์ชื่อดังระบุว่าเธอทำลายคริสต์มาสของลูกจ้าง บริษัท เนื่องจากนักร้องสาวเรียกร้องผลประโยชน์มากขึ้นกว่าเดิมจากการปรากฏตัวใน เกมส์เต้นที่มีชื่อว่า "Starpower: Beyonce"
     
ซึ่งการตัดสินใจเรียกเงินมากขึ้นของเธอนั้นทำให้นักลงทุนในโปรเจ็กท์นี้จำต้องถอนทุนไป ทำให้บียอนเซถอนตัวตาม โดยทนายของบริษัทระบุว่า
     
"เป็นการทำลายความเชื่อมั่นของสัญญาซึ่งเป็นสิ่งที่ใจดำมาก ทุกสิ่งกลายเป็นการเพ้อฝัน เธอทำลายธุรกิจของ Gate Fiveลงอย่างสิ้นเชิง และทำให้คนกว่า 70 คนต้องตกงาน ซึ่งเป็นสัปดาห์ก่อนวันคริสต์มาส"
     
ตามกำหนดการเดิม เกมส์เต้นชิ้นนี้ถูกพัฒนาเพื่อเตรียมปล่อยออกสู่ตลาดในช่วงคริสมาสต์ปี 2011 ซึ่งช่วงคริสต์มาสมักจะเป็นช่วงที่ทำยอดขายเกมส์ได้มากที่สุด แต่โปรเจ็คท์ทุกอย่างก็ต้องแตกเป็นเสี่ยงๆหลังจากที่บียอนเซมีการ"บีบบังคับเรียกร้องค่าตอบแทนใหม่ทั้งหมด" ระหว่างที่ "การพัฒนาโปรเจ็กท์ดังกล่าวดำเนินมาถึงส่วนที่สำคัญที่สุด"
     
ทาง ดาเรห์ เกรกอเรียน ซีอีโอของบริษัท Gate Five ได้เปิดเผยถึงเรื่องนี้ว่า "มันเป็นอะไรที่ช็อคมากๆ และเป็นเหตุการณ์ที่น่าผิดหวังจริงๆ ซึ่งไม่มีใครล่วงรู้มาก่อนว่าอะไรแบบนี้จะเกิดขึ้น ตอนนี้พวกเราพยายามที่จะรับมือกับมันและพยายามจะลุกขึ้นสู้ใหม่อีกครั้ง"

ดาวตลก “ร็อบ ชไนเดอร์” แห่ง “ดิ๊วซ์ บิ๊กกะโล่” แต่งงาน

ร็อบ ชไนเดอร์ วัย 47 ปี ได้ตัดสินใจจูงมือแฟนสาวเชื้อสายเม็กซิกัน แพททริเซีย อซาร์โคย่า อาเช่ โป รดิวเซอร์รายการโทรทัศน์คนสวย ที่เขาคบหามาเป็นเวลานานพอสมควรแล้ว เข้าประตูวิวาห์ในพิธีที่จัดขึ้นอย่างเป็นส่วนตัว ที่เบเวอร์ลี ฮิลล์ เมื่อวันเสาร์ที่ 23 เม.ย. ที่ผ่านมา
     
ดาวตลกชื่อดังซึ่งเป็นที่รู้จักจากผลงานอย่าง Deuce Bigalow: Male Gigolo และปรากฏตัวในหนังของเพื่อนสนิทอย่าง อดัม แซนเลอร์ มาก มายหลายเรื่อง กล่าวถึงข่าวดีครั้งนี้ในแถลงการณ์ว่า “แพททริเซีย กับผมมีเพื่อนสนิทและครอบครัวห้อมล้อมมากมาย มันเป็นวันที่มีความสุขมากที่สุดในชีวิตของผม เรามีช่วงเวลาที่ดีในพิธีแต่งงานครั้งนี้ และผมจะตั้งตารอคอยการดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ที่กำลังจะมาถึงต่อไป”
     
โดยการสละโสดครั้งนี้นับเป็นการแต่งงานหนที่ 2 ของ ชไนเดอร์แล้ว หลังจากเขามีทายาทคนหนึ่งกับอดีตภรรยา ลอนดอน คิง ที่ใช้ชีวิตร่วมกันระหว่างปี 1988 - 1990 ก่อนจะหย่าขาดกันไป

"อนิสตัน-คูเปอร์"อินเลิฟ ลุ้นรักรอบสองอยู่ยืนยง

สงสัยเทพเจ้าแห่งความรักคงจะเข้าข้าง เจนนิเฟอร์ อนิสตัน นางเอกสาวร่างกะทัดรัดบ้างแล้ว หลังจากตอนนี้ลือกันให้แซดว่า เธอกำลังอินเลิฟอย่างสุดๆ กับ แบรดลี่ย์ คูเปอร์ พระเอกหนุ่มมาดเท่ อย่างไรก็ตาม สาวเจนไม่รีบร้อนกดดันให้ฝ่ายชายมอบหัวใจให้เธอทั้งหมด เพราะเข้าใจว่า คูเปอร์ยังมีหน้าที่การงานต้องทำ แต่เชื่อเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมทุกอย่างจะจบแบบแฮปปี้เอนดิ้งแน่นอน

อนิสตันเคยต้องน้ำตาตกในมาแล้ว หลังคูเปอร์จบความรักช่วงสั้นๆ กับเธอเมื่อปี 2009 เพื่อไปคบหากับ เรเน่ เซลวีเกอร์ อย่างไรก็ตาม ดาราหนุ่มเนื้อหอม เพิ่งยุติรักปีครึ่งกับนางเอกสาวจากหนังเรื่อง ''Bridget Jones''s Diary'' ในขณะที่สาวเจนก็ลองรักไม่รู้เบื่อกับหนุ่มๆ หลายคน แต่สุดท้ายเหมือนพรหมลิขิตบันดาลชักพา เพราะทั้งคู่ตกเป็นข่าวก่อนหน้านี้ว่ากลับมาลมพัดหวนกันอีกครั้ง แถมหวานแสบไส้มากยิ่งกว่าเดิมซะด้วย แต่ตอนนี้มีการยืนยันแล้วว่าทั้งสองคนปิ๊งปั๊งกันจริงๆ
    
แหล่งข่าวเผยกับ ''OK!'' แม็กกาซีนดังเมืองมะกันว่า อนิสตันรีบโทร.ไปหาคูเปอร์ทันทีหลังรู้ว่าเขารักแตกแยกทางกับเซลวีเกอร์ ''ทันทีที่เธอได้ยินว่าเขากลับมาโสดอีกครั้ง เธอรีบโทร.ไปหาเขา และพวกเขาก็กลับมาติดต่อกัน โดยครั้งแรกเป็นการติดต่อผ่านทางผู้ช่วยของทั้งสองฝ่าย เจนผิดหวังมากตอนที่เขาลงเอยกับเรเน่ แทนที่จะเป็นเธอ เธอก้มหน้าใช้ชีวิตต่อไป แต่ส่วนหนึ่งในใจก็ยังคงชอบเขาเสมอ''
    
คาดว่าเหตุผลหนึ่งที่ทั้งสองคนอาจเหมาะสมต่อกันก็คือไลฟ์สไตล์ ที่ชอบอยู่บ้านกับหมามากกว่า โดยแหล่งข่าววงในเผยว่า ''แปลกจริงๆ ที่พวกเขามีไลฟ์สไตล์เหมือนกัน ทั้งเรื่องที่ชอบและไม่ชอบ แน่นอนว่าตามความรู้สึกของเธอ (อนิสตัน) เธอยังไม่เสร็จสิ้นงานของเธอ เขาเป็นคนที่เธออยากอยู่ด้วย เพราะว่าเขาทั้งมีเสน่ห์และน่ารัก เธอคิดว่าเขาสุดยอดจริงๆ เธอรู้ว่าแบรดลี่ย์ให้ความสำคัญกับอาชีพ และเธอพร้อมเสียสละในสิ่งที่เขาต้องการ เธอพร้อมอดทน เจนไม่รีบร้อน เธอรู้ว่ามันคงจะเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เหมาะสม''

วันพุธที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2554

ไม่จบไม่สิ้น Clip เสียงคล้าย "พิ้งค์กี้" อ้อน "เสี่ย ป." หลุดอีกแล้ว!

เป็นประเด็นที่ไม่จบไม่สิ้นจริง ๆ สำหรับกรณีของนางเอกอย่าง "พิ้งค์กี้ สาวิกา ไชยเดช" ที่เป็นข่าวมือที่สามครอบครัวของ นางเอกรุ่นพี่ "ธ" กับแฟนหนุ่ม "เสีย ป." ที่ก่อนหน้านี้ นางเอกรุ่นพี่ "ธ" ตัดสินใจประกาศชัดเจนแล้วว่า เตรียมเดินทางกลับมา "หย่า" กับสามีในเร็ววัน

ล่าสุดก็มีคนปล่อยคลิปเสียงที่ฟังคล้ายดาราสาวพิ้งค์กี้ว่อนเน็ต โดยคราวนี้ไม่ใช่เสียงสนทนาเหมือนคราวก่อน แต่เป็นลักษณะเหมือนการส่งเสียงผ่านโทรศัพท์แบล็กเบอร์รี่ หวานหยดชนิดใครฟังก็อึ้ง นอกจากนั้นแล้วก็ยังมีเสียงผู้ชายอีกด้วย ปิดท้ายด้วยเสียงของหญิงสูงอายุที่พูดชื่อ “เป๊ก” กับ “ลูกพิ้งกี้” ซึ่งคลิปเสียงดังกล่าวถูกตัดต่อร้อยเป็นเรื่องราวใส่ภาพพิ้งกี้ประกอบ เหมือนจงใจจะบอกคนฟังว่า เจ้าของเสียงเป็นใคร ?
     
อย่างไรก็ตามในคลิปเสียงดังกล่าวไม่ได้มีการระบุหรือเอ่ยชื่อว่าแทน ตัวเองว่าเป็นใครและกำลังพูดถึงใคร โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
     
       เสียงที่ 1 เป็นเสียงผู้หญิง
       “ค่ะคุณพ่อหนูเป็นเมียของลูกชายคุณพ่อ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะจุ๊บๆ ดีเปล่าอย่างนี้”

       เสียงที่ 2 เป็นเสียงผู้ชาย
       “ดีและก็ต้องบอกว่า หนูกำลังจะมีหลานให้คุณพ่ออีกหนึ่งคนนะคะ อีก 4 คนตามมา คุณพ่อทราบไหมคะจุ๊บๆ”

       เสียงที่ 3 เป็นเสียงผู้หญิง
       “เปล่านะจ๊ะผัวจ๋า ไม่ได้คุยกับผู้ชายอื่นเลยนะ แต่ว่าผู้ชายโทรมาเอง อุ๊ย...ขอโทษทีหลุด อุ๊ยลืมไป”(หัวเราะ)

       เสียงที่ 4 เป็นเสียงผู้หญิง
       “ตื่นมาไอจะบอกยูว่า มอร์นิ่ง ไม่ใช่สิตอนนี้มันกลางวันอยู่ไม่ใช่หรอที่โน่นน่ะ ไอต้องบอกยูว่า กู๊ดไนท์ ใช่เปล่า”

       เสียงที่ 5 เป็นเสียงผู้หญิง
       “เหนื่อยโคตร...เฮ้อ คิดถึงเด้อ คิดถึงมั่กๆๆๆๆๆๆๆๆ”

       เสียงที่ 6 เป็นเสียงผู้หญิง
       “ไอมิสยูนะคะ แล้วก็...อืม ไปเที่ยวผับ เที่ยวเผื่อด้วยล่ะ บ๊ายบาย”

       เสียงที่ 7 เป็นเสียงผู้ชาย
       “เล็กปุ๊กคิดถึงมาก”

       เสียงที่ 8 เป็นเสียงผู้หญิง
       “คิดถึงเหมือนกัน กลับมาเมืองไทยเร็วๆ นะ พวกเรารออยู่นะคะบ๊ายบาย”

       เสียงที่ 9 เป็นเสียงผู้หญิง(เหมือนร้องไห้)
       “เหมือนกี้ดูหนังเขาบอกว่า คนเรารักกันไม่จำเป็นจะต้องอยู่ด้วยกันก็ได้ ขอแค่รู้ว่ามีคนที่ยังรักเราก็ยังโอเค ฮือๆ มันซึ้งน่ะ ... ฮือ”

       เสียงที่ 10 เป็นเสียงผู้หญิง
       “เดี๋ยวจะโดนนะ เดี๋ยวจะโดนๆ คิดถึงก็หาว่าโกหก เดี๋ยวจะโดน”

       เสียงที่ 11 เป็นเสียงผู้หญิงสูงวัย
       “คุณเป๊กหน้าของพิ้งกี้ซีดเหมือนไข่ต้มเลยนะค่ะ”

วันอังคารที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2554

ขวัญ อุษามณี รับคบหมวดบีม

งานก็รุ่งรักก็สว่างไสว เพราะล่าสุด "ขวัญ อุษามณี ไวทยานนท์" ยอมเปิดใจว่ากำลังคบหาดูใจอยู่กับ "หมวดบีม" ครูสอนขี่ม้ามากว่า 3 ปีแล้วซึ่งเป็นคนเดียวกับที่เคยเป็นข่าวกับ แพนเค้ก เขมนิจ นางเอกสาวเพื่อนร่วมช่อง 

"ขวัญรู้จักกับพี่บีมมาตั้งประมาณ 3-4 ปีแล้ว แต่เพิ่งจะมามาสนิทกันมากๆ ก็ประมาณ 2-3 ปีที่ผ่านมาตอนนี้เป็นเป็นพี่ชายที่เราสนิทที่สุด และเป็นคนที่รู้ใจเรามากที่สุดตอนนี้ด้วย ที่คบกันไม่ได้อยู่ที่ความหล่อไม่หล่อ แต่เขาจิตใจดี เป็นคนน่ารัก เสมอต้นเสมอปลาย

ส่วนกระแสข่าวที่หมวดบีมเคยคบกับแพนเค้กมาก่อนนั้น ขวัญบอกว่า ขวัญเอง ก็ทราบมาบ้าง แต่ที่รู้คือพี่เขากับแพนเป็นคนที่ทำงานและรู้จักกัน เพราะฉะนั้นก็เป็นเรื่องธรรมดา แต่เราก็รู้ว่าจริงๆ มันไม่ได้มีอะไร แล้วขวัญก็ไม่ได้ไปแย่งแพนหรืออะไรมาด้วย

(มีข่าวว่าขวัญให้นักสืบคอยตามดู) ขวัญว่าขวัญคงไม่ต้องทำแบบนั้นหรอก คนเรารู้จักกันคบกันก็ต้องเข้าใจกัน

ขวัญยังเล่าต่อว่า "กับคุณแม่ถ้าคนไหนดีกับลูก แม่ก็ชอบทุกคนอยู่แล้ว ซึ่งพี่เขาก็ดีกับเรา แม่ก็เลยโอเค อีกอย่างตอนนี้ขวัญเองก็เรียนจบแล้ว มีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นแล้ว แม่ก็จะให้อิสระกับเรามากขึ้น และขวัญเองยังได้เจอกับพ่อแม่ของพี่เขาแล้วด้วย พวกท่านก็น่ารัก มีความเป็นกันเองกับเรามาก"

"พลอย" ระทวย "นาวิน ต้าร์" ชม ผมสั้นหน้าเด็ก

หลังจากที่ละครเรื่อง ''รักไม่มีวันตาย'' ลาจอไป ช่วงนี้ดูเหมือนว่ากระแสความนิยมของนางเอกสาว ''พลอย'' เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์ จะร้อนแรงไม่น้อยเลยทีเดียว โดยเมื่อเร็วๆ นี้ก็มีข่าวคราวออกมาให้แฟนๆ ได้ตื่นเต้น เมื่อมีกระแสข่าวออกมาว่านักแสดงสาวคนดังได้รับเลือกให้เล่นละครกับค่าย ''โพลีพลัส'' อีกครั้งในเรื่อง ''รักออกอากาศ'' แต่จู่ๆ ก็เกิดมีการเปลี่ยนตัวกะทันหันเป็นสาว ''เชอร์รี่'' เข็มอัปสร สิริสุขะ มาเสียบแทนหลังมีข่าวลือว่าเธอได้ปฏิเสธการแสดงเรื่องนี้ไป ทั้งนี้เมื่อวันที่ 24 เม.ย. 54 ผู้สื่อข่าวมีโอกาสได้เจอกับดาราสาวขณะมาร่วมขายเสื้อยืด ''คำว่าให้...ไม่สิ้นสุด'' เพื่อบริจาคสมทบทุนในการจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ และสมทบทุนสร้างอาคารสมเด็จพระเทพรัตน์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล จึงไม่พลาดที่จะซักถามถึงประเด็นข่าวดังกล่าว โดยดาราสาวชี้แจงถึงเหตุผลว่าเป็นเรื่องของเวลาที่ไม่ลงตัวและผู้ใหญ่ก็ทราบ และตนไม่ได้เป็นคนตัดสินใจเอง
   
''คือมันเป็นเรื่องของเวลามากกว่าค่ะ พลอยไม่ได้เป็นคนตัดสินใจเอง คือทางช่องว่ายังไง พลอยก็ว่าอย่างนั้นค่ะ เพราะพลอยก็มีหน้าที่แสดงของพลอยไป อีกอย่างเราก็เป็นเด็กด้วย ถ้าช่องว่ายังไงพลอยก็ต้องว่าตามค่ะ เพราะเชื่อฟังคำสั่งผู้ใหญ่ ยืนยันว่า พลอยไม่ได้เป็นคนถอนตัวเองแน่นอนค่ะ ก็เป็นกำลังใจให้นักแสดงทุกคน พลอยเชื่อว่าใครที่ได้เล่นบทนี้ต้องน่ารักทุกคนแน่นอนเพราะเป็นบทที่น่ารัก มากๆ ค่ะ ก็ยอมรับว่าค่อนข้างเสียดายค่ะที่ไม่ได้เล่นเรื่องนี้ เพราะก่อนหน้านี้พลอยและอ๋อมยังคุยกันเลยว่าเราเป็นนางเอกของเขา ก็ยังดีใจอยู่เลยว่าจะได้เล่นด้วยกัน แต่ก็ไม่เป็นไรโอกาสหน้ายังมี พลอยยังไม่แก่ค่ะ''
   
ผู้สื่อข่าวได้ถามดาราสาวต่อว่า ส่วนตัวรู้สึกเสียความมั่นใจไหมที่สาว ''เชอร์รี่-เข็มอัปสร'' มาเสียบบทนี้แทน กับเรื่องนี้นักแสดงสาวเผยว่าไม่อยากให้ทุกคนคิดอย่างนั้น
   
''ไม่อยากให้คิดแบบนั้น มันไม่ได้ถูกเปลี่ยนค่ะ แต่เป็นเรื่องของเวลามากกว่า ก็เลยไม่เสียความมั่นใจอะไรเลย และจริงๆ แล้วบทนี้ก็เหมาะกับ ''เชอร์รี่'' เข็มอัปสร สิริสุขะ ด้วย คิดว่าเหมาะกับเขามากค่ะ''
   
และจากการสังเกตของผู้สื่อข่าวพบว่าดาราสาวได้เปลี่ยนลุกส์ใหม่ให้ กับตัวเองด้วยการตัดผมให้สั้น ซึ่งเรื่องเธอก็เผยเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่าที่เปลี่ยนเพราะอากาศช่วงนี้ร้อน ก่อนเปรยว่าหวานใจหนุ่มอย่าง ''ต้าร์'' นาวิน เยาวพลกุล ดูเหมือนจะชอบเป็นพิเศษเพราะทำให้เธอดูเด็กลง
   
''ก็อากาศร้อนค่ะ (หัวเราะ) ไม่เสียดายเพราะพลอยเป็นคนที่ผมยาวเร็วมาก พี่ต้าร์เขาก็ค่อนข้างชอบเขาบอกว่าเด็กดีเหมือนได้แฟนใหม่''
   
อย่างไรก็ตามเมื่อถามถึงช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมากับโปรแกรมเที่ยวฝรั่งเศสกับหวานใจหนุ่มเป็นเป็นอย่างไรบ้าง ดาราสาวเผยว่าสนุกมากๆ
   
''สนุกดีค่ะ ก็ไม่ได้ช็อปกระจายอะไรขนาดนั้น เพราะส่วนใหญ่จะซื้อของฝากให้มากกว่า ก็ไม่ค่อยได้เที่ยวที่ไหนส่วนใหญ่จะเน้นไปดูโชว์การแสดงมากกว่า แต่จะมีไฮไลต์ตรงที่ได้ไปทานดินเนอร์ที่หอไอเฟลที่ ''ลีเดีย'' ศรัณย์รัชต์ วิสุทธิธาดา กับ ''แมทธิว ดีนส์'' เป็นคนแนะนำ ก็ธรรมดาปกติไม่ได้สวีตมาก แต่ก็เป็นช่วงเวลาที่ดีที่มีความสุขได้พักผ่อนค่ะ''

ความห่างทำรักล่ม "ตุ๊ก" ยันหย่า "แซม" ไม่คิดแต่งงานใหม่

อยู่กินกันมานานกว่า 20 ปี แถมไม่เคยมีข่าวระหองระแหงออกมาให้ระคายเคืองความสัมพันธ์ แต่แล้วสถานะฉันสามี-ภรรยา ก็มีอันต้องจบลง สำหรับคู่ของพิธีกรและนักแสดงสาวมากความสามารถ ''ตุ๊ก'' ญาณี จงวิสุทธิ์ กับสามีหนุ่มชาวอิตาเลียน ''แซม'' เซอร์จิโอ อาร์เมนิโอ ที่ล่าสุด ''ตุ๊ ก-ญาณี'' ได้ออกมาเปิดใจเผยว่า ตอนนี้ได้แยกทางกับสามีชาวต่างชาติ มานานกว่า 3 เดือนแล้ว โดยมีสาเหตุจากการที่ทั้งคู่ไม่มีเวลาให้กัน เลยทำให้เกิดความห่าง โดยปฏิเสธว่าไม่ได้มีปัญหามือที่ สามเลยกับการแยกทางในครั้งนี้ พร้อมยืนยันว่าเป็นความสัมพันธ์กับอดีตสามีในตอนนี้คือเพื่อนที่ดี ต่อกัน และยังร่วมหุ้นทำธุรกิจด้วยกันเหมือนเดิม ซึ่งขณะนี้กำลังดำเนินเรื่องหย่า

โดย ''ตุ๊ก-ญาณี'' และสามีชาวอิตาเลียน ได้แต่งงานกันมานาน จนมีทายาทด้วยกันคือ ''แฟร้ง กี้'' ลูกชายคนเดียว ที่ตอนนี้กำลังศึกษาอยู่ที่เมลเบิล ประเทศออสเตรเลีย ซึ่ง ''ตุ๊ก-ญาณี'' ได้ชี้แจง ถึงการแยกทางกับ ''แซม'' สามีชาวต่างชาติ เมื่อวันที่ 25 เม.ย. 54 ณ ร้านพิชซ่า พิชซ่า บาย ญาณี  ทองหล่อ ซ.18 ว่าเกิดจากความห่าง ที่ทั้งคู่ต่างก็ไม่มีเวลาให้กัน จึงตัดสินใจที่จะแยกกันอยู่ พร้อม บอกว่าไม่มีทางรีเทิร์นกลับไปเป็นเหมือนเดิม โดยยืนยันว่า ตนกับอดีตสามีไม่ได้มีปัญหาอะไรกัน เลย ตอนนี้ทั้งคู่ก็ยังทำธุรกิจด้วยกันอยู่ คือ พิชซ่า พิชซ่า บาย ญาณี
    
''ทัศนคติไม่ตรงกันแต่อยู่มา 20 ปีแล้วก็เพิ่งจะรู้เนี่ย ความห่างมันทำให้คนเราไกลกัน เราไม่ เหมือนครอบครัวปกติกัน แบบเย็นกลับมากินข้าว ทุกคนปฏิบัติหน้าที่กันหมด อย่างพี่ก็ทำงานเยอะ อย่างลูกก็เรียน กิจกรรม เดี๋ยวคุณพ่อก็ไปพัทยา 4 วัน เดี๋ยวก็ไปหัวหิน 3 วัน จริงๆ เอาจริงๆ มะ คน เรามันขาดความหวือหวาในชีวิต มันขาดมันเหมือนอยู่ไปแห้งแล้งไปเรื่อยๆ ด้วยไม่ได้ทะเลาะกันไม่โกรธ ไม่มีปัญหากัน มันอาจจะเรียกได้ว่ามันเป็นความแห้งแล้ง ด้วยความห่าง ที่มันอาจจะแบบ ผัวเมีย ควรกินข้าวอาทิตย์ละวัน แต่มันไม่มี อยากมากเดือนละวันก็ยังไม่มี จากที่เป็นคู่กันกลายเป็น เหมือนเพื่อนกันละ เพราะฉะนั้น จริงๆ เราก็ลังเล แต่จริงๆ คิดว่าลูกโตแล้ว คือที่ไม่ได้มาออกข่าว เลยเพราะว่าลูกเรียนอยู่เมืองนอก เอางี้ดีกว่า ถ้าลูกจะรู้อะไรควรจะรู้จากปากแม่ ไม่ควรจะรู้จากสื่อ หรือเข้าเว็บเข้าเน็ตรู้ไม่ได้ เราต้องบอกก่อน ถ้าลูกโตแล้วเขาก็รับได้และเข้าใจ''
    
ลูกชายว่ายังไงบ้าง?
          ''ไม่ได้ว่าอะไร คือเขาต้องเข้าใจคือเขาอายุ 17 แล้วเขาต้องมีแฟน มีกิ๊ก คือเขาคงต้องเริ่มเข้าใจ แล้ว คือพ่อแม่ไม่ได้ทะเลาะกัน แต่ด้วยความห่างที่เหมือนกันว่า 3 เดือนนี้คือ เลิกกันจริงๆ แต่ว่ามัน คงเป็นมานานแต่เราไม่ได้สังเกตตัวเอง มันเหมือนเป็นอุทาหรณ์คุณผู้หญิง มันเป็นการละเลย การ ดูแลซึ่งกันและกัน เพื่อนกันก็ยังโทร.หากันทุกวัน อย่างพี่กับกอล์ฟเนี่ย ก็ถามนั้นนี้ แต่เราก็คิดว่าเขา อยู่ในมือ เขาก็คิดว่าเราอยู่ในมือ แต่พอมันละเลย เราก็คิดว่าความห่างมันเยอะ อย่างที่เขาบอกรักแท้ แพ้ระยะทางจริงๆ มันทำให้กลายเป็นเฉยๆ''
    
ธุรกิจยังทำด้วยกันอยู่หรือเปล่า?
          ยังทำด้วยกันเพราะเราเป็นกรรมการด้วยกัน 2 คน ทำกันอยู่
    
ตอนที่ตัดสินแยกทางกัน ความรู้สึกตอนนั้นเป็นยังไงบ้าง?
          ''ถามว่าเฮิร์ตไหม ตกใจเฉยๆ เดี๋ยวไปเมืองนอกละนะ เหมือนเพื่อนมาบอกแบบนี้ มันก็ตกใจ  ไม่เฮิร์ตนะ แต่ถามว่าที่สุดแล้วเรายังเป็นเพื่อนกัน เคยถามไหมคนบางคนเราอยากจับมือด้วย แค่นั่ง อิงๆ ก็มีความสุข อยากจะมีเรื่องให้มันหวือหวา คนอยู่ด้วยกันมา 20 ปี มันก็ไม่มีอารมณ์หวือหวา''
    
ด้านอดีตสามี มีแฟนใหม่ไปหรือยัง?
         ''พี่ก็อยากรู้นะ ไปสืบให้หน่อย เดี๋ยวพี่เอารูปแฟนพี่ให้และไปสืบมาสิ บอกด้วยว่าเขามีหรือยัง  พี่นะเป็นเมียที่ทุกคนอยากได้เป็นเมียจริงๆ เพราะพี่ไม่เคยตามไม่เคยสืบ ไม่เคยสังเกตไม่เคยระแวด ระวัง ด้วยความเชื่อใจ คำถามนี้พี่ไม่รู้ แต่ถ้าใครรู้ก็ขอรูปหน่อย เดี๋ยวจะไปด่าซะให้หน่ำ (หัวเราะ)...ไม่รู้จริงๆ ค่ะ''
    
ใครเป็นคนขอแยกทางก่อน?
         ''เค้าค่ะ ด้วยความที่เขาเป็นฝรั่งด้วย เข้าใจวัฒนธรรมของฝรั่งกับเราไม่เหมือนกับคนไทย มีไป เยอะๆ ก็ได้ คือเพื่อนพี่บอกว่าเมียหลวงไม่ใช่หิ้งนะ ที่จะเอาเก็บไว้''
    
ตกใจไหมที่โดนเค้าบอกเลิก?
         ''ตกใจสิ!!! ใครไม่ตกใจผัวบอกเลิก มันก็มีงง เห้ย!''
    
แล้วลูกใครจะดูแล?
         ''คือโชคดีที่ลูกโตแล้วไม่ใช่อายุ 9-10 ขวบ ที่เราต้องดูแล แต่หมายความว่าเขาโตแล้ว คือเราก็ ไม่ได้กีดกันว่าไปกับพ่อไม่ได้ ไปกับแม่ไม่ได้ คือเหมือนเดิมทุกอย่างเพียงแต่พ่อแม่ไม่ได้อยู่ด้วย กัน''
    
มีโอกาสกับไปเหมือนเดิมไหม?
         ''มันคงยากเพราะมันไม่ได้ร้าว ถูกมะ แต่มันดันเปลี่ยนสถานะภาพ ถ้าทะเลาะกัน สามีมีเมีย น้อย คือนั้นมีรอยร้าว แต่อยู่ดีๆ คนๆ หนึ่งเปลี่ยนสถานะภาพมาเป็นเพื่อน คนหนึ่งอ้าว จากผัว เปลี่ยนมาเป็นเพื่อนสนิทเนี่ย ยังไง งง (หัวเราะ) เราก็ไม่รู้จะโกรธอะไร คิดว่าคงไม่ เพราะว่าพี่ถอย มา 3 เดือนแล้ว ได้อยู่คนเดียวแล้ว คนเรามันถอยมาแล้ว พอมันมาอยู่หน้างานมันก็ตกใจ แต่ว่าพอ ถอยมาดูมันก็จริงอยางที่เขาพูดใจเราก็คิดแบบเขาเหมือนกัน บางทีเรามาดูตัวเอง พออย่างนั้นไม่ดี กู ว่ากูดี แต่ถ้าเราถอยออกมาดูเราก็จะรู้ว่าเออ เนี่ยวันนั้นเราไม่ถูกต้อง เราพูดไม่ดีจริงๆ ถ้าเราถอยออก มาก็จะเห็น พี่ก็มีความสุขดี พี่ก็ไม่รู้สึกอะไร ถ้าจะปรึกษาเรื่องงานพี่ก็ยังโทร.หาเขาได้ ตอนนี้ยังเซ็น เช็คกันอยู่ คือไม่ขาดอะไรเลย ก็ยังโอเคอยู่''
    
ตอนนี้เหมือนอยู่ในขั้นตอนการหย่า?
         ''ถูกค่ะ ธุรกิจเราก็ทำด้วยกัน ถ้าเกิดในวันข้างหน้าเขาบอกว่าเขาจะไปทำที่อื่นพี่ก็ดันร้านนี้ได้ ถ้าเกิดเขาขอตรงนี้เราก็คุยกันไม่มีเรื่องเงินเรื่องทอง มีแต่เรื่องใจที่เปลี่ยน สถานะภาพคนบางคนเนี่ยเปลี่ยนจากเพื่อนยังกลายเป็นผัว ถูกไหม วันนี้คนหนึ่งคนก็กลายเป็นเพื่อนสนิท ถูกไหมแค่นั้นเอง''
    
ส่วนตัวเราเองจะมีคนใหม่หรือเปล่า?
         ''ต่อไปไม่รู้ แต่ตอนนี้มีความสุข เรามีเพื่อนที่รักเยอะเยอะ มีน้อง ถ้าว่าตอนนี้มีความสุขไหมก็มีความสุข ถ้ามีก็ไม่ปิดกั้น คือไม่ปิด''
    
แล้วจะแต่งงานใหม่ไหมถ้ามีคนใหม่?
         ''ไม่แต่งแล้ว อยู่เฉยๆ ดีกว่า''

"อั๋น" ดังแล้วทำกร่าง ชี้หน้าขู่นักข่าว

ถือว่าเป็นพระเอกที่กำลังมาแรงอย่างมากเลยก็ว่าได้ สำหรับพระเอกหนุ่ม ''อั๋น'' วิทยา วสุไพศาล กับบทบาทของ ''คุณใหญ่'' ผู้ชายอ่อนโยนและสุดแสนจะโรแมนติกจากละครเรื่อง ''ดอกส้มสีทอง'' ที่กำลังออนแอร์ทางไทยทีวีสีช่อง 3 อยู่ในขณะนี้ จนกลายเป็นที่กรี๊ดกร๊าดของสาวน้อยสาวใหญ่ต่างก็อยากจะได้ชายหนุ่มผู้อ่อน โยนอย่าง ''คุณใหญ่'' ในละคร ''ดอกส้มสีทอง'' มาคอยดูแลอย่างมากเลยนั่นเอง

แต่ใครจะรู้ละว่า ในบทบาทที่อ่อนโยนของ ''คุณโหญ่'' ที่ ''หนุ่มอั๋น'' รับบทจะเป็นที่หมายปองของสาวๆ ทั่วประเทศอยู่นั้น จะช่างตรงข้ามกับความเป็นตัวตนของ ''หนุ่มอั๋น'' ทุกประการ เพราะสืบเนื่องจากเมื่อหนุ่มอั๋น ต้องไปร่วมงานแถลงข่าวประกาศผลผู้เข้ารอบรางวัล ''นาฏราช'' ครั้งที่ 2 ณ หอประชุมกองทัพบก เมื่อวันที่ 22 เม.ย. 54 ที่ผ่านมา ซึ่งมีบรรดาสื่อมวลชนทุกสำนักต่างก็ร่วมงานจำนวนมาก

และเมื่อสิ้นสุดการแถลงข่าวงานดังกล่าว ผู้สื่อข่าวบางส่วนก็ได้เข้าไปสัมภาษณ์ และสอบถามพระเอกหนุ่ม ''อั๋น-วิทยา'' ถึงฟีดแบ็กของเรตติ้งละครเรื่อง ''ดอกส้มสีทอง'' ที่กำลังมาแรงในขณะนี้ ซึ่งดาราหนุ่มก็ได้ให้สัมภาษณ์และตอบคำถามกับสื่อมวลชนตามปกติ จนกระทั่งเริ่มวกเข้าถึงคำถามถึงเรื่องส่วนตัว หนุ่มอั๋นก็เริ่มออกปฏิกิริยาทางสีหน้าอย่างเห็นได้ชัดเจนว่า ไม่ค่อยพอใจที่จะให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องนี้สักเท่าไร

จนกระทั่งได้มีผู้สื่อข่าวรายหนึ่งได้เข้าไปขอสัมภาษณ์พระเอกหนุ่ม ''อั๋น-วิทยา'' อีกครั้ง ซึ่งคราวนี้ผู้สื่อข่าวคนดังกล่าวก็ช่างกล้าถามถึงเรื่องส่วนตัวของพระเอก หนุ่ม เพียงแค่คำถามที่ว่า ''เข้าฉากเลิฟซีนประกบชมพู่บ่อยๆ แล้วแฟนตัวจริงว่าอย่างไรบ้าง?'' โดยทันทีที่ได้ยินคำถามดังกล่าว หนุ่มอั๋นถึงกลับเริ่มชักสีหน้าไม่พอใจทันที ก่อนจะกล่าวสั้นต่อหน้ากล้องราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นว่า ''นั่นคือการทำงานของผม'' และพูดต่อด้วยว่า

''นี่พี่เริ่มโมโหแล้วนะ ถ้าน้องจะเจาะเรื่องส่วนตัวพี่อีก พี่จะไม่ตอบ แต่พี่จะเหวี่ยงและจะเดินหนีแล้วนะ'' อั๋นกล่าวกับผู้สื่อข่าวน้องใหม่

หลังจากเอ่ยประโยคดังกล่าวเสร็จแล้ว นักแสดงหนุ่มชื่อดัง ''อั๋น-วิทยา''  ก็ได้เดินเลี่ยงออกไปด้วยสีหน้าที่ดูไม่สมบอารมณ์สักเท่าไรนัก ก่อนจะเดินกลับมาพูดตะคอกใส่ผู้สื่อข่าวคนดังกล่าว ด้วยน้ำเสียงแข็งราวกับกำลังไม่พอใจสุดฤทธิ์ว่า ''เป็นนักข่าวมานานหรือยัง ไม่มีจรรยาบรรณของการเป็นนักข่าวเหรอ สัมภาษณ์อย่างนี้ได้อย่างไร อย่างนี้เค้าเรียกว่าไม่มีจรรยาบรรณ'' ซึ่งผู้สื่อข่าวคนดังกล่าวก็ได้ยกมือไหว้และกล่าวขอโทษหนุ่มอั๋น แต่ปรากฏว่าพระเอกหนุ่มคนดังก็ยังได้ระเบิดอารมณ์ต่อว่า ''ไร้จรรยาบรรณ'' พร้อมกับหันไปชี้ที่กล้องและพูดว่า ''อย่าตัดออกอากาศนะ มันไม่เหมาะสม'' และได้หันไปถามกับสื่อมวลชนที่อยู่ละแวกนั้นว่า ''ปกติไม่เคยเห็นผมเป็นอย่างนี้ใช่ไหม?'' ท่ามกลางความตกตะลึงของบรรดาสื่อมวลชนที่อยู่ละแวกนั้นอย่างมากเลยทีเดียว

จากนั้นหนุ่มอั๋นได้หายไปสักพักใหญ่ และไม่นานพระเอกหนุ่มคนดัง ''อั๋น-วิทยา'' ก็ได้เดินกลับมาหาผู้สื่อข่าวคนเดิมอีกครั้งราวกับสงบสติอารมณ์ได้แล้ว โดยได้เดินมาเอ่ยคำขอโทษก่อนจะเดินออกจากงานไปในที่สุด

อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวได้พยายามที่จะติดต่อเพื่อสอบถามข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกรณีเรื่อง ราวดังกล่าวจากหนุ่มอั๋น แต่ปรากฏว่าไม่สามารถติดต่อพระเอกคนดังได้แต่อย่างใดทั้งสิ้น โดยคนที่สนิทสนมคุ้นเคยกับหนุ่มอั๋นได้เปิดเผยเพียงแค่ว่าปกติ ''อั๋น-วิทยา'' จะไม่ค่อยให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวอยู่แล้ว เพราะเจ้าตัวไม่อยากเอาแฟนสาวนอกวงการที่กำลังคบอยู่มายุ่งเกี่ยวกับในวงการ ซึ่งก็ไม่ทราบวงว่า สาเหตุที่เจ้าตัวไม่ค่อยพูดถึงเรื่องส่วนตัวที่ไม่ใช่เรื่องงานนั้นเป็น เพราะกลัวกระแสเรตติ้งตกหรือเปล่า หากมีความคืบหน้าประการใดจะรายงานให้ทราบอีกครั้งหนึ่ง

"โซนี่มิวสิค" โต้ฟ้อง "มาช่า" 140ล้าน

หลังมีกระแสข่าวลือออกมาอย่างหนาหูว่านักร้องสาวรุ่นใหญ่เจ้าของฉายา ''แดนซิงควีน'' อย่าง ''มาช่า วัฒนพานิช'' กำลังจะถูกค่ายเพลงชั้นนำอย่าง ''โซนี่มิวสิค'' ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายเป็นจำนวนเงิน 2 ล้านยูโร หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 140 ล้านบาทเพราะนักร้องสาวรุ่นใหญ่ละเมิดลิขสิทธิ์เพลง ''แอม แบ็ค'' (I'm Back) ของศิลปินสาวชาวฝรั่งเศสชาวฝรั่งเศส ''ซีลินช์'' ล่าสุด ''โซนี่ มิวสิคไทยแลนด์'' ได้ยืนยันออกมาแล้วว่าไม่ได้ฟ้องร้องนักร้องสาวแต่อย่างใด ซึ่งทาง ''โซนี่ มิวสิคไทยแลนด์'' เปิดเผยว่า

ทางโซนี่มิวสิคไม่ได้มีการดำเนินคดี หรือ แจ้งความเอาผิด นักร้องสาวชาวไทยแต่อย่างใด อีกทั้งไม่มีคำสั่งผู้บริหารทั้งจากเมืองไทยและในต่างประเทศให้ดำเนินการกับ เรื่องนี้  โดย ณ ตอนนี้ทางต้นสังกัดใหญ่ในต่างประเทศยังไม่ได้ประสานงานเพื่อดำเนินการเกี่ยว กับเรื่องนี้ แต่หากมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นจะต้องมีการแถลงข่าวให้สื่อมวลชนทราบแน่นอน

อย่างไรก็ตาม ''โซนี่ มิวสิคไทยแลนด์'' ยังได้กล่าวเสริมว่าหากมีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นจริงอาจจะเป็นการฟ้องร้องเองจากผู้แต่งเพลงเองมากกว่า

หลายโรครุมเร้า ''กอล์ฟ'' ทรุดเลื่อนคอนเสิร์ต

มีอันต้องเลื่อนการแสดงออกไป สำหรับ คอนเสิร์ต ''กอล์ฟ-มั๊ย-ตุ๊ก'' โชว์ผสมพันธุ์ฮา เดอะ คอมเมดี้ คอนเสิร์ต ยก 2 ของคู่ซี้ ''ตุ๊ก'' ญาณี จงวิสุทธิ์ และ ''กอล์ฟ'' เบญจพล เชยอรุณ  ที่ในตอนแรกมีคิวจะขนพ้องเพื่อนมาเปิดโชว์ในวันที่ 21 พ.ค. นี้ ณ รอยัล พารากอน ฮอลล์ สยามพารากอน แต่ด้านหนุ่มกอล์ฟดันมีปัญหาเรื่องสุขภาพซะก่อน ทั้งหมอนรองกระดูกเคลื่อน และตรวจพบซีดที่เส้นประสาทด้านหลัง ทางแพทย์เลยวินิจฉัยเห็นสมควรให้เลื่อนการแสดงออกไปประมาณ 1 เดือน เพื่อให้ร่างกายได้พักฟื้นและกายภาพบำบัดได้เต็มที่ ก่อนที่คอนเสิร์ต ''กอล์ฟ-มั๊ย-ตุ๊ก'' จะเปิดการแสดงอีกครั้ง ในวันพุธที่ 22 มิ.ย. นี้
   
โดยงานนี้  ''กอล์ฟ-เบญจพล'' และ ''ตุ๊ก-ญาณี'' ได้ตั้งโต๊ะแถลงถึงการเลื่อนคอนเสิร์ตในครั้งนี้กันที่ ร้านพิซซ่า พิซซ่า บาย ญาณี ทองหล่อ ซ.18 เมื่อวันที่ 25 เม.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งหนุ่มกอล์ฟได้เปิดใจเผยว่า ตนมีปัญหาเรื่องสุขภาพ คือ หมอนรองกระดูกเคลื่อนมาได้ซักพัก และได้เข้ารับการรักษาจนอาการดีขึ้น แต่ในจังหวะที่ตนรับงานละครเยอะ หลายๆ เรื่องพร้อมกันทำให้อาการที่หมอนรองกระดูกกลับมาอีกครั้ง แต่ในครั้งนี้แพทย์ได้ตรวจซีดที่เส้นประสาทด้านหลังอีก แพทย์เลยให้พักฟื้นก่อน ทำให้ต้องเลื่อนคอนเสิร์ตที่วางแผนไว้ว่าจะแสดงในวันที่ 21 พ.ค. มาเป็นวันที่ 22 มิ.ย. นี้ ณ รอยัล พารากอน ฮอลล์ สยามพารากอน

''คือจริงๆ มันต้องเท้าความก่อนนะครับว่า หมอนรองกระดูก มันไปมาตั้งแต่มีนาปีที่แล้ว บางคนอาจจะทราบแต่บางคนก็ไม่ทราบ เพราะไม่อยากให้มันออกมาเป็นข่าวใหญ่โตอะไรมาก และผมเองก็มองว่ามันรักษาได้ ก็เลยปล่อยมาเรื่อยๆ แต่ที่ปล่อยไม่ได้เป็นเพราะตัวเองประมาณเพียงแต่ติดภารกิจ ถ่ายละคร วนิดา, สี่หัวใจแห่งขุนเขา, เทพธิดาปลาร้า ก็เลยไม่ได้ไป แต่คุณหมอบอกว่าให้ไปทำกายภาพบำบัดนานแล้ว แต่บอกคุณหมอว่างานมันต่อเนื่องก็เลยไม่มีเวลาไป  การกายภาพบำบัดถ้าจะได้ผลจริงๆ มันต้องเข้าไปทำทุกวัน และทำแบบทั้งวัน  วันละ 2-3 ครั้งถึงจะได้ผลจริงๆ นะครับ แต่มันก็ไม่ได้มีเวลาเคลียร์ตัวเองได้สักที  ก็ปล่อยมาเรื่อยๆ จนเหมือน มกรา  กุมภา มันเหมือนจะดีขึ้นผมก็เลยไม่เป็นไร ก็ยังคุยกับพี่ตุ๊กอยู่เลยว่าไม่เป็นไรแล้วมั้ง เราก็เลยจัดโชว์เลยดีกว่า เพราะโชว์นี้มันก็เตรียมมาตั้งแต่ปีที่แล้ว แล้วเหมือนกัน ก็เลยจัดโชว์  แต่สุดท้ายเมื่ออาทิตย์ที่แล้วถ่ายเทพธิดาปลาร้าอยู่มันมีฉากเหมือนที่ต้อง เต้นโปงลางอะไรแบบนี้แล้วก็กระเด้งแบบเต็มที่อ่ะ อาการมันก็เลยกลับมาเป็นอีก ก็เลยไปถามหมอ หมอก็บอกว่าจริงๆ มันก็คือเป็นการประมาณที่ไม่ดูแลสุขภาพตัวเอง  เพราะอาการมันไม่ได้หายขาดมันแค่ดีขึ้นเฉยๆ คุณหมอบอกว่ามันค่อนข้างอันตรายก็เลยอยากให้มากายภาพบำบัดให้จริงจังเสีย ก่อน ก็คุณหมอให้แอดมิสไป 10 วันถึง 2 อาทิตย์ จริงๆ แล้วอยากจะบอกว่าขอบคุณทุกคนมากที่เป็นห่วง  ก็ยังไงก็จะพยายามรักษาแต่คุณหมอบอกว่าถ้ากายภาพคราวนี้แล้วมันไม่หายเพราะ มันเจอซีดที่เส้นประสาทด้วย เพราะฉะนั้น ถ้ามันไม่หายจริงก็คงต้องผ่า วันนี้ที่แถลงจริงๆ ประเด็นแรกคือ ขอโทษจริงๆ สำหรับคนที่ซื้อบัตรไปแล้วครับ''
   
ด้านคู่ซี้ ''ตุ๊ก-ญาณี'' ได้กล่าวสมทบว่า การที่เลื่อนมาแสดงในวันที่ 22 มิ.ย. ถือว่ามีความเสี่ยง เพราะเป็นวันพุธที่คนทำงาน แต่ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
   
''เพราะเราไม่รู้ว่าเค้าจะว่างในวันพุธที่ 22 หรือเปล่า มันเสี่ยงเหมือนกันคือบอกจริงๆ แล้วอ่ะ เราบอกว่าเราเสี่ยงจริงๆ ในการจัดโชว์ เพราะคนไทยจัดงานต้องจัด ศุกร์  เสาร์ อาทิตย์ ถูกไหมค่ะ  ด้วยพารากอนเขาไม่มีพื้นที่ให้แล้วเราก็เลยเปลี่ยนมาเป็นวันพุธได้ไหม  เราก็โทร.ปรึกษาเพื่อนทุกคนเหมือนกัน  เพื่อนก็บอกว่าก็ดีเพราะเลิกงานแล้วทุกคนนั่งรถไฟฟ้าไป ทุกคนต้องออกจากบ้านอยู่แล้ว ทุกคนก็ไม่ต้องแต่งตัวและวันพุธก็อาจจะเป็นวันที่รถไม่แน่น  และไม่มีปัญหาเรื่องที่จอดรถค่ะ''
   
ส่วนหนุ่มกอล์ฟ ได้บอกอีกว่า คอนเสิร์ตจะแสดงในวันที่ 22 มิ.ย. แน่นอน จะไม่มีการเลื่อนแล้ว ซึ่งคนดูไม่ต้องกลัวว่าตนจะแสดงไม่ได้เต็มที่ เพราะตนเองจะทำโชว์ให้ออกมาดีที่สุด เต็มที่ที่สุด ส่วนหลังจากนั้นเรื่องสุขภาพค่อยว่ากัน
   
''คงไม่ต้องกลัวปัญหานอนดึกตื่นสายนะครับเพราะปกติก็นอนกันประมาณ 2 ชั่วโมงกว่าๆ อยู่แล้วก็มีคนถามอีกว่าเป็นขนาดนี้แล้วทำไมเลื่อนคอนเสริต์แค่เดือนเดียว ก็เลยต้องบอกตรงๆ เลยครับว่าเลื่อนเดือนเดียว เพราะว่าหมอเขาบอกว่าถ้าเป็นหนักต้องผ่า ผมก็เลยอยากเล่นให้เสร็จก่อนแล้วก็ไปว่ากันอีกที ยืนยันว่า 22 เล่นแน่ๆ หนักไม่หนักไม่ต้องห่วงถึงวันงานจัดเต็มครับ''
   
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวได้ถามถึงว่า การเลื่อนการแสดงในครั้งนี้ ทำให้แขกรับเชิญที่จะมาร่วมโชว์มีปัญหาหรือเปล่า ด้านหนุ่มกอล์ฟเผยว่าเรื่องแขกรับเชิญไม่มีปัญหาอะไร ทุกอย่างยังเหมือนเดิม
   
''ไม่มีครับ เรื่องนี้ต้องขอโทษคุณผู้ชม ขอโทษแขกด้วย ขอบคุณแขกทุกคนนะครับที่พอรู้ปัญหาก็รีบเคลีย์คิวให้เลย ต้องขอขอบคุณแขกรับเชิญทุกคน เพราะงั้น แขกรับเชิญจะเหมือนเดิมทุกคน แล้วรวมถึงสปอนเซอร์ให้ด้วย ที่ยอมให้เราเลื่อนคอนเสิร์ต''
   
ทั้งนี้ หนุ่มกอล์ฟยังได้บอกอีกว่า ตอนนี้ยังติดถ่ายละคร ต้องรอให้ปิดกล้องก่อน ถึงจะเข้าไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล ในช่วงต้นเดือน พ.ค. นี้ พร้อมยืนยันทิ้งท้ายด้วยว่า ปัญหาสุขภาพไม่ทำให้งานแต่งงานที่วางไว้ต้องเลื่อนแน่นอน

"เอมมา วัตสัน"ออกจากมหาวิทยาลัยบราวน์แล้ว

เอมมา วัตสัน นักแสดงสาวชื่อดังจากแฮร์รี พอตเตอร์ ได้ออกมายืนยันข่าวแล้วว่าเธอเตรียมย้ายที่เรียน ซึ่งเกิดขึ้นไม่นานหลังมีข่าวว่าเธอถูกเพื่อนร่วมชั้นคอยเสียดสีอยู่ตลอด เวลาจนเริ่มรับไม่ได้
     
วาเนสซา เดวีส์ ประชาสัมพันธ์ส่วนตัวของเธอได้ออกมายืนยันข่าวการย้ายที่เรียนพร้อมระบุว่า นักแสดงสาวได้ตัดสินใจเตรียมโอนหน่วยกิตไปเรียนอย่างอื่นซึ่งไม่มีที่บราวน์ แต่ถึงอย่างไรเธอก็ยังรักช่วงเวลาที่เธออยู่ในสถาบันนี้มากจริงๆ
     
อย่างไรก็ตามมีรายงานว่าก่อนหน้านี้เอมมา ต้องตก เป็นเหยื่อในชั้นเรียนถูกเพื่อนคอยล้อเลียนพูดเสียดสีอยู่ตลอดทุกครั้งที่ เธอตอบคำถามในชั้น จนอาจเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เอมมาเริ่มไม่อยากเรียนที่สถาบันนี้
     
"พวกเขามักจะโต้ตอบด้วยประโยคจากหนังแฮร์รี พอตเตอร์ ที่ถูกใช้มากที่สุดคือ '3 คะแนนสำหรับกริฟฟินดอร์!' " แหล่งข่าวเผย
     
เอมมา ศึกษาเกี่ยวกับประวัติศาสตร์และการละครของสตรีชาวยุโรป ซึ่งเมื่อครั้งที่เธอเข้าไปเรียนที่มหาวิทยาลัยในเดือน ก.ย. ปี 2009 เธอเคยกลัวว่าจะเข้ากับที่นี่ไม่ได้
     
 "ฉันกลัวว่าพวกเขาจะคิดว่า เธอมันคนดัง เธอได้กระเป๋าถือฟรีมาใช้ แล้วทำไมเธอต้องได้รับการปฏิบัติเหมือนคนธรรมดาด้วยล่ะ?" เอมมา เผยถึงความกลัวของตนเอง
     
จนกระทั่งเมื่อเดือนที่แล้วนี่เองที่นักแสดงสาวผู้รักการเรียนชื่อ ดังที่เคยประกาศว่าตนเองเลือกเรียนมากกว่างานในวงการก็เพิ่งจะออกมาประกาศ อีกครั้งว่าเธอคงต้องขอเบรกเรื่องการเรียนเพื่อตั้งหน้าตั้งตาทำงานอย่าง เต็มที่
     
"อย่างที่คุณรู้ ฉันชอบ Brown และฉันก็ชอบการเรียนมากกว่าอย่างอื่น แต่เมื่อไม่นานนี้ฉันสาละวนมากกับการเป็นนักเรียนด้วยและการทำงานอื่นไปด้วย ซึ่งฉันได้เรียนรู้ว่าทำสองอย่างให้ดีพร้อมๆกันมันเป็นไปไม่ได้เลย"
     
"ฉันเลยตัดสินใจพักแป๊บหนึ่งเพื่อไปจัดการงานของฉันเกี่ยวกับ ภาพยนตร์ Harry Potter ( ตอนสุดท้ายจะเข้าฉายในช่วงก.ค.ที่จะถึงนี้ )ให้เรียบร้อยและมุ่งทำงานในฐานะมืออาชีพรวมถึงงานด้านการแสดงด้วย"
     
ขณะนี้เอมมา วัตสัน นักแสดงสาววัย 21 ปีกำลังมีงานล้นมือทั้งเรื่องของงานแฟชั่น และการโปรโมทภาพยนตร์เรื่องแฮร์รี พอตเตอร์ส่วนทางด้านประชาสัมพันธ์ส่วนตัวของเธอยังไม่ได้ระบุว่าในฤดูใบไม้ ร่วงที่จะถึงนี้ เอมมา วัตสัน จะเข้าศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยแห่งใดกันแน่ แต่มีรายงานว่าอาจเป็นสถาบันที่ตั้งอยู่ในนิวยอร์คก็เป็นได้

"ฮิว แกรนต์" เปิดตัวแฟนใหม่ สาวหมวยอินเตอร์วัย 31 ปี

สื่อในประเทศอังกฤษเปิดเผยถึงคู่ควงคนใหม่ของ ฮิว แกรนต์ ที่เป็นหญิงสาวเชื้อสายจีนนามว่า หงถิงหลัน วัย 31 ปี โดยทั้งสองเริ่มต้นคบหากันมาตั้งแต่ช่วงเดือน ม.ค. ที่ผ่านมาแล้ว
     
ซึ่งเมื่อสัปดาห์ก่อนมีคนเห็นว่า สาวถิงหลัน เดินทางไปเยี่ยม ฮิว แกรนต์ ที่บ้านของเขาในเวสต์ลอนดอน ก่อนที่นักแสดงดังจากหนัง Four Weddings and a Funeral จะเดินทางไปส่งเธอด้วยรถเฟอร์รารีสีน้ำเงินของเขา
     
หลังจากนั้นยังมีคนเห็นทั้งคู่ควงกันไปเที่ยวที่บาร์คอกเท ลสไตล์สไตล์เวียดนาม จากนั้นอีกหนึ่งวันก็ชวนกันไปเล่นกอล์ฟ นอกจากนั้นยังมีข้อมูลยืนยันว่า บ้านของสาวจีนรายนี้อยู่ห่างจากบ้านของ แกรนต์ ออกไปไม่มากนักด้วย
     
สื่อในประเทศจีนอธิบายถึงสาวคนนี้ว่า เป็นคนสวย, ฉลาด และร่ำรวย โดยเธอสวมใส่รองเท้าของคริสเตียน เลอบูแตง มูลค่าราว ๆ 500 ปอนด์, ชุด ฮัลสตัน เฮอริเทจ ราคา 400 ปอนด์ และถือกระเป๋าชาเนลราคา 1,000 ปอนด์อยู่ในมือ
     
ก่อนหน้านี้นักแสดงชื่อดังชาวอังกฤษ เคยพูดว่าเขาเองก็เป็นอีกคนหนึ่งที่หลงเสน่ห์สาวจีน โดยระหว่างการเยือนไหหนานในปี 2010 แกรนต์ ถึงกับออกปากว่าเขาตกหลุมรักสาวจีน และอยากจะได้มาเป็นแฟนซักคน "ผมจะยินดีมากนะครับ ถ้าได้แฟนเป็นสาวจีน ผมหลงเสน่ห์ของพวกเธอไปแล้ว แค่เวลา 24 ชั่วโมง ผมก็ตกหลุมรักไป 4 ครั้งแล้ว"
     
ฮิว แกรนต์ วัย 50 ปี เป็นหนุ่มเจ้าเสน่ห์คนหนึ่งของฮอลลีวูด เขาเคยคบหาอยู่กับนางแบบชื่อดัง ลิซ เฮอร์ลีย์ อยู่หลายปี นอกจากนั้นยังเคยตกเป็นข่าวฉาวซื้อบริการทางเพศโสเภณีผิวสีรายหนึงเมื่อหลายปีก่อนด้วย
     
หลังจากใช้ชีวิตเต็มที่แบบหนุ่มโสดมานาน เมื่อเร็ว ๆ นี้ แกรนต์ เปรยว่าเขาเองก็อยากจะลงหลักปักฐานอยู่เหมือนกัน โดยแหล่งข่าวของ News of the World ก็ยืนยันในเรื่องนี้ แต่ก็ยังย้ำว่าเป็นเรื่องที่คงเป็นไปได้ยาก
     
"เธอเป็นส่วนสำคัญในชีวิตของเขาในขณะนี้ แต่ แกรนต์ เองก็ไม่ใช่ผู้ชายที่จะสามารถลงหลักปักฐานได้ง่าย ๆ ถึงแม้เขาจะสนิทสนมกับ ถิง มาก แต่ก็ยังไม่เลิกควงกับสาวคนอื่น ๆ แม้ทั้งสองจะอยู่ด้วยกันแทบจะตลอดเวลา แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขาถ้าต้องการมีคนอื่น เพราะแถวบ้านของเขา มีบาร์หรือร้านอาหารอยู่ใกล้ ๆ เต็มไปหมด

“เมล กิ๊บสัน” เปิดใจ : ข้อหาซ้อมเมีย, เหยียดผิว, อนาคตในวงการ

หลังจากต้องตกอยู่ในกระแสวิพากษ์วิจารณ์เรื่องปัญหาชีวิตส่วนตัวมา นานมากกว่า 1 ปี ล่าสุด "เมล กิ๊บสัน" ได้ให้สัมภาษณ์เป็นครั้งแรก เพื่อเปิดใจทั้งเกี่ยวกับเรื่องความผิดพลาดในอดีต และแผนการในอนาคต ที่นักแสดงชื่อดังยอมรับว่า เขาอาจจะไม่รับงานแสดงอีกต่อไปแล้วก็ได้ หากแฟน ๆ ไม่ยอมรับ
     
ในการให้สัมภาษณ์ยาวเหยียดกับ Deadline.com ระหว่างโปรโมตภาพยนตร์เรื่อง The Beaver นักแสดงผู้อื้อฉาว เมล กิ๊บสัน ได้เปิดปากกล่าวถึงปัญหามากมาย ที่มีจุดเริ่มต้นจากความบาดหมางกับอดีตหญิงคนรัก อ็อกซาน่า กรีกอรีว่า ที่มีข้อกล่าวหาว่า กิ๊บสัน ทั้งทำร้ายร่างกาย และด่าทอรุนแรงต่อเธอ จนกลายเป็นปัญหาทางกฎหมาย ที่สร้างความยุ่งยาก และทำลายชื่อเสียงของยอดนักแสดงรายนี้ให้ย่อยยับไปช่วงเพียงปีเศษเท่านั้น
     
ในประเด็นเรื่องการถูกดำเนินคดีใช้ความรุนแรง กิ๊บสัน ให้อธิบายถึงเรื่องที่เกิดขึ้นว่า
     
"ผมได้รับอนุญาตให้จบคดีทั้งหมด โดยยังสามารถยืนกรานความบริสุทธิ์ของตัวเองได้ เป็นขั้นตอนที่ศาลสามารถลงโทษโดยผู้ต้องหาไม่ต้องสารภาพหรือยอมรับผิด อาจจะไม่ใช่วิธีที่เกิดขึ้นบ่อยนัก แต่ศาลและอัยการมองว่าเหมาะสมกับคดีความครั้งนี้ ผมอาจจะชนะคดีหากยอมใช้เวลาต่อสู้ในชั้นศาลนานเป็นปี แต่ผมยอมจบมันเพื่อลูก ๆ และครอบครัว เพราะมันอาจจะกลายเป็นเรื่องวุ่นวายเหมือนกับละครสัตว์ไปได้ คุณไม่ควรจะลากทุกคนในชีวิตให้ตกต่ำไปกับคุณโดยไม่จำเป็น ผมยอมโดนเล่นงาน เพื่อจะได้ก้าวต่อไปเสียที"
     
กิ๊บสัน ที่ครั้งหนึ่งได้ชื่อว่าเป็นนักแสดงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในวงการคนหนึ่ง ต้องพบกับข้อกล่าวหาเรื่องการเหยียดผิว, เหยียดเชื้อชาติ และเหยียดยิว จากถ้อยคำอันรุนแรงที่ถูกบันทึกเสียงในเทป ระหว่างการทะเลาะกับ กรีกอรีว่า ซึ่งถูกส่งมอบให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และต่อมาหลุดไปสู่สาธารณะ ซึ่งกิ๊บสัน ยอมรับว่าเขากล่าวถ้อยคำแบบนั้นไป แต่ไม่ได้เชื่อเช่นนั้น
     
"ผมไม่เคยทำอะไรไม่ดีกับใคร ไม่เคยแสดงท่าทีการเลือกปฏิบัติ เลือกที่รักมักที่ชัง กับคนต่างเพศ, ต่างเชื้อชาติ, ต่างศาสนา หรือมีรสนิยมทางเพศที่แตกต่าง ผมไม่ได้โทษใครนะครับที่จะเชื่อแบบนั้น จากเรื่องราวขยะที่ได้ฟังในเทปหลุดซึ่งถูกตัดต่อ แต่คุณต้องมองในภาพรวม ในเหตุการณ์ที่เกิดการถกเถียงกันหนักจนสติแตก กลายเป็นความไร้เหตุผล ของคนที่พยายามจะเอาตัวรอดจากความสัมพันธ์อันย่ำแย่ มันเป็นสิ่งที่เลวร้ายมาก เป็นช่วงเวลาที่แย่สุด ๆ สำหรับคนคนหนึ่ง ที่เกิดขึ้นในวันหนึ่ง โดยที่ไม่ได้สะท้อนภาพรวมของสิ่งที่ผมคิด หรือสิ่งที่ผมปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างที่ทำมาตลอดทั้งชีวิต"
     
ในหนังเรื่อง The Beaver ที่ กิ๊บสัน รับบทนำ เป็นผลงานการกำกับของ โจดี้ ฟอสเตอร์ ที่พูดถึงหนุ่มใหญ่ซึ่งสร้างบุคลิกใหม่ขึ้นมาบนตุ๊กตามือบีเวอร์ เพื่อเยียวยาความเจ็บปวดหลังจากสูญเสียภรรยาอันเป็นที่รัก โดยหนังเรื่องนี้ต้องได้รับผลกระทบจากข่าวฉาวของ เมล กิ๊บสัน ซึ่งเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ปีก่อน ทำให้ถูกเลื่อนฉายหลายครั้ง
     
โดยนักแสดงหนุ่มใหญ่วัย 55 ปี ยืนยันว่าเขายังมีโปรเจ็คหนังอยู่ในมืออีกพอสมควร ซึ่งหากสาธารณะชนจะเกลียดชัง และปฏิเสธไม่ยอมรับเขา ด้วยเรื่องข่าวที่เกิดขึ้น กิ๊บสัน ก็เผยว่าเขาเองก็ไม่ได้คิดมากอะไรหากต้องยุติบทบาทกับอาชีพนักแสดง
     
"ผมอาจจะไม่แสดงหนังอีกเลยก็ได้ มันไม่ใช่ปัญหาอะไรหรอก แต่ตอนนี้ผมมีโปรเจ็คหนังอยู่ เป็นงานที่อยากทำเพราะมันน่าจะสนุก ผมไม่รู้หรอกว่ามันจะได้เดินเครื่องรึเปล่า เป็นหนังที่ผมจะได้ทำงานกับ แรนดี้ วอลเลซ (ผู้เขียนบท Braveheart) อีกครั้ง ผมได้บทมาแล้ว มันเป็นเรื่องราวที่อยู่กับเขามาเป็นปีแล้ว เป็นหนังสือที่เขาเขียนและดัดแปลงเป็นบทหนังด้วยตัวเอง มันจะคล้ายกับงานของ อเล็กซานเดอร์ ดูมาร์ เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับกลุ่มอันธพาลอะไรทำนองนั้น"

"ริฮานน่า"มาเหนือเมฆ แอบนัวเนีย"อัชเชอร์"

ผู้หญิงร้อนรักของแท้! ริฮานน่า นักร้องสาวอาร์แอนด์บีสุดเซ็กซี่ ตกเป็นข่าวกับหนุ่มๆ อีกครั้ง แต่คราวนี้เล่นของหนัก เพราะโดนลือว่าแอบไปสร้างสัมพันธ์รักแบบปัจจุบันทันด่วนกับ อัชเชอร์ หนุ่มอาร์แอนด์บีหุ่นทรมานใจสาว โดยทั้งสองคนโชว์สยิวเต้นยั่วสวาทกัน ขณะที่อยู่ร่วมงานปาร์ตี้ นิออน คาร์นิวัล ซึ่งเป็นงานของ ''อาร์เมนี่ เอ็กซ์เชนจ์'' และ 944 แม็กกาซีน ที่งานดนตรีโคอาเชลล่า ต่อหน้าต่อตาเพื่อนฝูงเมื่อสุดสัปดาห์ที่แล้ว

เรื่องนี้ไม่ใช่แค่การเม้าท์กันแบบปากต่อปาก เพราะมีหลายคนเห็นว่าทั้งคู่ต่างจับมือถือแขน พร้อมพูดจาหยอกล้อ ออเซาะ อี๋อ๋อ กันตลอดเวลา ก่อนที่จะกลับบ้านไปพร้อมกันอีกต่างหาก แล้วแบบนี้จะไม่ให้ใครคิดได้ยังไงว่าทั้งสองคนกำลังวางแผนที่จะประกอบร่าง กัน !! โดยแหล่งข่าววงในแฉกับ ''OK!'' นิตยสารดังเมืองมะกันว่า ''พวกเขาจีบ และจู๋จี๋กัน พวกเขาเดินจับมือถือแขนกันตอนกลับออกไป''
    
ตามคำบอกเล่าของคนแถวๆ นั้น นักร้องสาวเจ้าของเพลงฮอต ''S&M'' พูดคุยกันอย่างถูกคอกับ ลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ พระเอกสุดหล่อด้วย แต่สุดท้ายก็เป็นอัชเชอร์ที่สอยเธอกลับบ้านหน้าตาเฉย พยานเล่าต่อไปอย่างสนุกปากว่า ''พวกเขาสนุกกันใหญ่เลย และก็นัวเนียกันตลอดด้วย พวกเขามีเพื่อนๆ หลายคนที่เป็นเพื่อนในกลุ่มเดียวกัน แบบนี้เราถึงแปลกใจมากที่ว่า ทำไมมันถึงไม่เกิดขึ้นเร็วกว่านี้!''
    
เพื่อให้เรื่องนี้มีน้ำหนักมากขึ้น แหล่งข่าวอีกราย ออกมาร่วมด้วยช่วยกันแฉว่า นักร้องเจ้าของเพลง ''OMG'' สนใจในตัวริฮานน่าเอามากๆ ''อัชเชอร์ขอโต๊ะที่อยู่ถัดกับริฮานน่า เธอมาถึงงานก่อนอัชเชอร์ พร้อมกับบอดี้การ์ดของเธอ จากนั้นสักพัก อัชเชอร์ ก็ตามเข้ามาพร้อมกับคณะผู้ติดตามของเขา พวกเขาออกไปแดนซ์กันอย่างเต็มที่ ผู้คนต่างสนุกกันอย่างเมามัน พร้อมกันเต้นรอบๆ ตัวพวกเขา และก็ส่งเสียงเชียร์ นอกจากนี้ยังมีเหล่าเซเล็บที่อยู่ในงานต่างก็กระโดดโลดเต้นไปมา''

สั่งขัง"ลินด์ซีย์" 4เดือน จิ๊กสร้อยละเมิดทัณฑ์บน ทนายประกัน-ขออุทธรณ์

ผู้พิพากษา สเตฟานี่ เซาท์เนอร์ แห่งศาลสูงลอสแอนเจลีส มีคำตัดสินลงโทษ ลินด์ซีย์ ให้จำคุก 120 วัน และรับใช้ชุมชน 400 ชั่วโมง ที่ศูนย์สตรี และสถานฌาปนกิจลอสแอนเจลีส โดยอธิบายว่า การที่ ลินด์ซีย์ ถูกฟ้องข้อหาขโมยสร้อยเพชรมูลค่า 2,500 ดอลลาร์ (ราว 75,000 บาท) จากร้านเพชรที่เวนิช บีช หมายความว่าเธอละเมิดทัณฑ์บนความผิดเมาแล้วขับปี 2007 จึงลงโทษเธอด้วยคำสั่งจำคุก
    
เซาท์เนอร์ ยังบอกด้วยว่า ลินด์ซีย์ ควรนำสร้อยเพชรมาคืนทันทีที่ทราบว่าของกลางอยู่กับตัวเอง ไม่ใช่เก็บเอาไว้ และเอามาคืนตอนทราบว่า ตำรวจแอลเอ ขอหมายค้นบ้าน โดยหลังมีคำตัดสินออกมา ลินด์ซีย์ ก็โดนนำตัวไปเข้าเรือนจำที่ลินวู้ด ทันที แต่ตามรายงานข่างจากเว็บไซต์ ''ทีเอ็มซี ดอต คอม'' บอกว่า ดาราวัย 24 ปี อยู่ในนั้นราวๆ 5 ชั่วโมง ทนายความของเธอ ชอว์น ฮอลลี่ แชปแมน ก็วางเงิน 75,000 ดอลลาร์ (ราว 2.25 ล้านบาท) ประกันตัวลูกความออกมา   
    
ด้านทนายความของ ลินด์ซีย์ บอกว่า จะยื่นเรื่องอุทธรณ์ต่อไปทันที แม้ทางผู้พิพากษาจะลดข้อหาของเธอลงมาเป็นเพียงความผิดลหุโทษ จากคดีอาญา ซึ่งจะทำให้เธอติดคุกหนักกว่านี้อีก หากการพิจารณาคดีมีบทสรุปส่งท้ายว่า เธอมีความผิดจริงๆ จากเดิมที่เธออาจโดนสูงสุด 3 ปี เป็นเหลือราวๆ 1 ปี หรือน้อยกว่านั้น โดย ลินด์ซีย์ ต้องกลับมาขึ้นศาลรอบแรกวันที่ 11 พ.ค. นี้ ส่วนการพิจารณาจริงๆ น่าจะเป็นวันที่ 3 มิถุนายน
    
ขณะเดียวกัน การที่ผู้พิพากษาสเตฟานี่ ตัดสินลดระดับความผิดของ ลินด์ซีย์ ลง ก็ทำให้ทางอัยการ ดาเน็ตต์ เมเยอร์ส ไม่พอใจ และอาจจะยื่นขออุทธรณ์เช่นกัน โดยบอกเหตุผลว่า ลินด์ซีย์ นั้นยิ่งกว่าสมควรโดนลงโทษจำคุกให้หลาบจำเสียอีก เพราะขยันทำผิดซะเหลือเกิน ขณะที่ผู้พิพากษาบอกว่า อยากให้โอกาสแก่ ลินด์ซีย์ ด้าน ไมเคิ่ล โลแฮน พ่อบังเกิดเกล้า ที่นั่งอยู่แถวหน้าในศาลเลย ออกอาการไม่พอใจมาก ''ผมไม่แฮปปี้เลย ผมว่าคดีของเธอไม่ได้ถูกปฏิบัติในทางที่คู่ควร ผมสนับสนุนลูกสาวเต็มที่''

เปิดโผแขกร่วมพิธีอภิเษกฯ "เจ้าชายวิลเลี่ยม-มิดเดิลตัน" "ป้าแอ๋ว-เบ็คส์-มิสเตอร์บีน"

สำนักพระราชวัง เซนต์ เจมส์ ออกมาเปิดเผยรายชื่ออย่างเป็นทางการของผู้ที่ได้รับเชิญเข้าร่วมพิธีอภิเษก สมรสของเจ้าชายวิลเลี่ยมกับพระคู่หมั้น มิดเดิลตัน ที่มหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ วันศุกร์ที่ 29 เมษายน นี้ โดยมีทั้งสมาชิกราชวงศ์จาก 46 ประเทศ, ผู้นำประเทศ และบุคคลที่มีชื่อเสียง
    
บรรดาคนบันเทิงที่ได้รับเชิญมีทั้ง เซอร์ เอลตัน จอห์น, โจสส์ สโตน นักร้องแนวโซลพระสหายของเจ้าชายวิลเลี่ยม, กาย ริตชี่ ผู้กำกับฯ ชื่อดังจาก ''Sherlock Holmes'' และ แอ็ตกินสัน ดาวตลกรุ่นใหญ่ เจ้าของแคแรกเตอร์ ''มิสเตอร์ บีน'' ซีรีส์และภาพยนตร์ดังของเมืองผู้ดี ได้รับเชิญในฐานะพระสหายของเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ พระบิดาของเจ้าชายวิลเลี่ยม
    
ขณะที่ เดวิด เบ็คแฮม ซูเปอร์สตาร์ลูกหนังชาวอังกฤษ และอดีตกัปตันทีมชาติ ได้รับเชิญร่วมกับภรรยาสาว ''พอชสไปซ์'' วิคตอเรีย ตามความคาดหมาย หลังจากทั้งคู่มีความสนิทสนมกับเจ้าชายวิลเลี่ยมมายาวนานหลายปี
    
นอกจากนี้ทางเจ้าหน้าที่พระราชวัง เซนต์ เจมส์ เปิดเผยที่นั่งของแขกที่ได้รับเชิญในระหว่างพิธีทางศาสนาที่โบสถ์เวสต์มิ นสเตอร์ โดยปรากฏว่า ญาติทางฝ่ายเจ้าหญิงไดอาน่า พระมารดาผู้ล่วงลับของเจ้าชายวิลเลี่ยม ถูกจับให้นั่งอยู่ฝั่งตรงนอร์ท แลนเทิร์น ร่วมกับครอบครัวมิดเดิลตัน ทั้งที่ตามธรรมเนียมปฏิบัติ ครอบครัวของฝ่ายเจ้าบ่าวและเจ้าสาวต้องนั่งอยู่คนละข้าง
    
โดยการที่ไม่มีคำอธิบายถึงการจัดที่นั่งออกมา ทำให้บรรดาผู้เชี่ยวชาญเรื่องราชวงศ์อังกฤษ ให้ความเห็นว่าน่าจะเกิดจากความสัมพันธ์ที่ไม่สู้ดีของตระกูลสเปนเซอร์ของ เจ้าหญิงไดอาน่า กับราชวงศ์ที่มีความบาดหมางอย่างรุนแรงนับตั้งแต่ ชาร์ลส์ สเปนเซอร์ น้องชายของเจ้าหญิงไดอาน่า เคยพูดโจมตีราชวงศ์อังกฤษ ระหว่างพิธีศพของเจ้าหญิงไดอาน่า เมื่อปี 1997

วันศุกร์ที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2554

"กอล์ฟ" แถลงร่ำไห้รับผิดหนีไปอยู่คอนโดจนแม่น้อยใจ ยันไม่ได้ไปอยู่กับ "ดิว" ต่อไปจะกลับบ้านให้มากขึ้น

หลังจากที่ "ปราศรัย นิธิไพศาลกุล" แม่ของ "กอล์ฟ พิชญะ นิธิไพศาลกุล" นักร้องดูโอค่ายแกรมมี่ ออกมาให้สัมภาษณ์กับทีวีพูลร้องห่มร้องไห้ว่า ลูกชายเก็บข้าวของออกจากบ้านไปอยู่คอนโดเป็นเวลา 6 เดือนแล้ว โดยไม่มีการติดต่อกลับแม้แต่ครั้งเดียวให้เหตุผลว่าโตแล้วอยากจะดูแลตัวเอง ท่ามกลางกระแสข่าวว่ากอล์ฟไปอยู่กับ "ดิว อริศรา ทองบริสุทธิ์" แฟน สาว ซึ่งก่อนหน้านี้มีข่าวว่าดิวกับแม่ของกอล์ฟไม่ค่อยจะลงลอยกันซักเท่าไหร่ ซ้ำพอแม่ของกอล์ฟบังเอิญไปเจอกับกอล์ฟกับดิวที่เซ็นทรัลชิดลม ทั้งคู่ก็ทำเป็นเมินมองไม่เห็น เล่นเอาแม่ของกอล์ฟเสียอกเสียใจ จำต้องออกมาเปิดอกแบบหมดเปลือก ชนิดภาพลักษณ์คนเป็นลูกแหลกภายในพริบตา
      
ล่าสุดแกรมมี่ต้นสังกัดก็เลยเป็นเจ้าภาพจัดงานแถลงข่าว เพื่อให้เรื่องทุกอย่างกระจ่างแจ้ง โดยงานนี้กอล์ฟก็ได้ออกมาแถลงข่าวร่วมกับแม่ และพ่อ "พิเชษฐ์ นิธิไพศาลกุล" ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งน้ำตา อ้างว่าที่ผ่านมาไม่ค่อยได้สื่อสารกันกับแม่ แต่ได้แจ้งพ่อเรื่องย้ายไปอยู่คอนโดเพื่อสะดวกในการทำงานแต่ไม่ได้บอกแม่ ส่วนพ่อก็บอกว่าผิดเองที่ไม่ได้บอกแม่เพราะไม่มีเวลาบอกเนื่องจากเดินทางไป ต่างประเทศบ่อย ด้านแม่ที่เคยออกมาดับเครื่องชน ก็บอกว่า เป็นคนขี้งอนทิฐิชอบเอาชนะลูก แต่ก็ไม่เสียใจที่ได้ให้สัมภาษณ์แบบนั้นออกไป เพราะทำให้ลูกกลับมาเหมือนเดิม
       
สรุปว่าต่างฝ่ายต่างยอมรับว่าตนเองผิด และกอล์ฟให้สัญญาว่าจะถ้าไม่ได้เรียนหรือทำงานจะกลับมาอยู่บ้าน ส่วนที่มีข่าวว่าดิวเป็นสาเหตุทำให้กอล์ฟไม่กลับบ้านกลับช่องนั้น ทางพ่อและแม่ของกอล์ฟไม่ขอพูดถึง อยากจะเคลียร์เฉพาะเรื่องของตนเองเท่านั้น
      
       กอล์ฟ : "ผมพูดอะไรไม่ถูก อย่างที่ข่าวออกไปมันเป็นความผิดของผมที่ไม่สื่อสารกับแม่ ผมรู้ว่าที่  ผ่านมาแม่น้อยใจ เสียใจ"
       พ่อ : "กอล์ฟ ไปอยู่คอนโดเพราะใกล้ที่เรียน กอล์ฟมาขอจะย้ายไปอยู่คอนโด ซึ่งพ่อก็เป็นคนพาเขาไปเอง ก็บอกเขาว่าแล้วเดี๋ยวจะไปบอกแม่ แต่เป็นคำว่าเดี๋ยวเพราะพ่อทำงานต้องบินไปไหนมาไหนตลอดเลยไม่ได้สื่อสารกัน"
       ประกอบกับช่วงที่ผ่านมาลูกก็ทำงานเพลง เหตุผลก็คือมันสะดวก พ่อยอมรับเสียใจที่ไม่ได้บอกแม่"
       แม่ : "วันนั้นแม่เดินทางไปออสเตรเลีย แล้วจู่ๆ ก็มารู้เรื่องนี้ ซึ่งแม่ไม่ทันตั้งตัว แม่เองค่อนข้างสนิทกับกอล์ฟ ก็เดินทางไปด้วยความโกรธและน้อยใจ แม่เองก็เดินทางไปเป็นเดือน
       ตอนนั้นก็โกรธและเสียใจ ไม่อยากคุยกับลูก ก็เลยคิดว่าไม่คุยดีกว่าปล่อยให้คาราคาซังไป"
      
       พ่อ : "กอล์ฟเองก็รู้ว่าแม่โกรธก็เลยไม่กล้าโทรหา"
       กอล์ฟ : "กอล์ฟติดต่อกับพ่อตลอดระยะเวลา 6 เดือนที่ไม่ได้อยู่บ้าน ก่อนที่แม่จะเดินทางก็มีแมสเสจไปหา"
       แม่ : "นิสัยแม่เป็นคนขี้งอนและเอาชนะลูก กอล์ฟจะรู้ว่าแม่เป็นคนยังไง ลูกๆ ก็จะกลัว"
       พ่อ : "ตลอดเวลากอล์ฟคุยกับพ่อว่า กอล์ฟเสียใจจะทำยังไงดี"
       กอล์ฟ : (ร้องไห้) กอล์ฟก็คิดว่าคุยกันแล้วจะใช้อารมณ์ก็เลยพักไว้ก่อน เมื่อวานเราเคลียร์กันแล้ว อยากจะขอโทษที่ทำให้แม่เสียใจ
       แม่ : "กอล์ฟเข้าไปเคลียร์แล้ว เขาบอกว่าเขาเสียใจ เรารักเขามาก เพราะแม่สนิทกับกอล์ฟมาก แต่พอเหมือนว่า.....(แม่ร้องไห้)
      
       ดิวเกี่ยวไหม ?
       กอล์ฟ : "เป็นที่กอล์ฟเองอย่าเอาใครไปพาดพิง เป็นเรื่องที่กอล์ฟให้ความสำคัญกับงานมากกว่า ทุกอย่างเป็นที่กอล์ฟ ไม่เคลียร์เอง"
       แม่ : "แม่ขอตอบในเรื่องของแม่ อยากเคลียร์เฉพาะคนในครอบครัว"
       พ่อ : "พ่อเองก็มีส่วนผิดด้วย"
       กอล์ฟ : "ผมผิดเองที่ไม่กล้าตัดสินใจคุย"
      
       ดิวว่าไงบ้าง ?
       กอล์ฟ : "ก็คุยกัน กอล์ฟไม่อยากให้พูดถึงใคร"
      
       "กอล์ฟ" จะกลับไปอยู่บ้านไหม
       แม่ : "ที่ตกลงไว้ว่าถ้าวันไหน ไม่เรียนก็จะกลับบ้าน ที่ผ่านมามันเหมือนรักใครมากก็เสียใจมาก"
       กอล์ฟ : "ผมอยู่คนเดียวไม่ได้อยู่กับใคร"
       พ่อ : "ต่อไปจะหาเวลาอยู่กับครอบครัว หรือหากิจกรรมทำร่วมกันให้มากขึ้น
       แม่ : "ไม่ มีแม่คนไหนอยากทำร้ายลูกหรอก แต่อยากให้เขารู้ว่าเราเสียใจ แม่เองก็มีอีโก้สูงเหมือนกัน เขาจะต้องทำตามเราบ้าง เหมือนที่แล้วมาเราตั้งตัวไม่ติด เสียใจที่พูดไปแต่ก็คุ้มที่ทำให้ลูกกลับมาเหมือนเดิม เรามองกันคนละมุมแต่มีทิฐิต่อกัน"
      
       กอล์ฟ : "ต่อไปก็จะคุยกับแม่เยอะขึ้น"
       แม่ : "สิ่งที่อยากได้อยากให้เขามีอนาคตที่ดี แม่มีแต่ความหวังดีให้เขา"
       กอล์ฟ : "หลังจากนี้ก็คงต้องใส่ใจครอบครัวมากขึ้น"
      
       กระทบภาพลักษณ์ไหม ?
       แม่ : "เขาไม่ได้ออกจาบ้าน แต่เขาขอพ่อคนเดียวแต่แม่ไม่รู้"
       กอล์ฟ : "อยากให้ดูกอล์ฟเป็นตัวอย่าง อย่าปล่อยให้เรื่องค้างคา"
      
       ส่วนเรื่องที่มีข่าวว่า "กอล์ฟ - ไมค์" ทะเลาะกันจนแยกกันทำเพลงนั้น กอล์ฟบอกว่า ไม่เกี่ยวกัน
       กอล์ฟ : "ไม่เกี่ยวครับ เป็นแค่โปรเจ็กท์พิเศษ ยังไงก็กลับมารวมกัน"
       พ่อ : "เขาก็ยังรักกันเหมือนเดิม แต่ก็ต้องมีผิดใจกันบ้างตามปกติธรรมดา"
       
จากนั้นทั้งสามก็สวมกอดกันด้วยความซาบซึ้ง ส่วนรายละเอียดทั้งหมดทีมข่าวซูเปอร์บันเทิงจะรายงานให้ทราบต่อไป

ขอบคุณ ASTV สำหรับเนื้อหาข่าว

คลอดแล้วจ้า! ''กบ-สุวนันท์'' ได้ลูกสาว ชื่อ "ปุณณดา"

กลายเป็นคุณแม่ซะแล้วสำหรับนางเอกยอดนิยม “กบ สุวนันท์ คงยิ่ง” นางเอกช่อง 7 ที่เข้าผ่าตัดคลอดลูกที่โรงพยาบาลสมิติเวชเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา โดยมี “บรู้ค ดนุพร ปุณณกันต์” สามีคอยดูแลอย่างใกล้ชิด ซึ่งบรู้คก็ได้เปิดแถลงข่าวดีว่า ได้ลูกสาวน้ำหนักตัวถึง 3020 กรัมเลยทีเดียว
     
 "ก็ขอบคุณทุกคนที่มาเยี่ยมนะครับ เมื่อเช้านี้น้องกบได้คลอด ลูกประมาณ 8 โมงกว่าๆ น้ำหนัก 3020กรัม แต่ว่าตอนแรกน้องกบมีกำหนดคลอด 5 พฤษภาคมแต่ว่ามีปัญหาเรื่องของรกเกาะต่ำก็เลยทำให้ลูกไม่กลับหัว ถ้าปล่อยต่อไปก็อาจจะทำให้เลือดออกและอันตรายได้ทั้งแม่และลูก หมอก็เลยขอที่จะผ่า จริงๆ ก็ยังไม่ถึงเวลาซักเท่าไหร่ แต่เกรงเรื่องความปลอดภัยของแม่และลูกก็เลยตัดสินใจผ่าเมื่อตอนเช้า"
     
 "ตอนนี้น้องกบก็แข็งแรงครับ แต่อย่างที่บอกครับว่าเด็กไม่ได้กลับหัว เด็กก็ออกมาในท่าก้น เพราะฉะนั้นแผลผ่าตัดก็จะใหญ่ ตอนนี้น้องกบก็เลยนอนพักผ่อน ก็ใช้เวลาผ่าตัดประมาณ 1 ชั่วโมงกว่าๆ ตอนผ่าไม่ได้วางยาสลบใช้ยาบล็อกหลังตั้งแต่หน้าอกลงไป"
     
 "ได้ลูกสาวก็ดีใจครับสมใจครับเพราะอยากได้ลูกสาว ส่วนน้องกบเขาก็ตามใจ ส่วนคนที่ 2 จะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายก็ได้ และก็โล่งใจด้วยเพราะว่าเป็นห่วงเรื่องสุขภาพ เพราะเราทำอัลตร้าซาวน์มา 3 เดือน คุณหมอก็แจ้งว่ารกค่อนข้างต่ำ ก็เกรงว่าถ้าจะคลอดเองก็จะเสียเลือด เพราะฉะนั้นเราก็เตรียมขั้นตอนทุกอย่างก่อนที่จะคลอดประมาณ 2 อาทิตย์ผมก็ได้มาให้เลือดตัวเองทิ้งไว้"
     
เผยตอนแรก "กบ" ตั้งใจจะคลอดเอง

"ตอนแรกน้องกบตั้งใจจะคลอดเองครับ กำหนดคลอด 5 พฤษภาคม แต่คุณหมอบอกว่าหลังวันที่ 15 เมษายนไปแล้วอยากจะขอผ่าเพราะมีปัญหาเรื่องรก และเกรงว่าถ้ามดลูกเปิดจะเสียเลือดจะมีปัญหา น้องกบไม่เครียดหรอกครับแต่คุณพ่อของผมกังวลเพราะคุณพ่อเป็นหมอ ก็กังวลว่าจะมีปัญหาไหม เราก็ได้คุยกับคุณหมอมาโดยตลอด ก็คุยว่าจะผ่าเมื่อเช้าวันนี้"
     
"กบ" ร้องไห้รู้สึกกลัวที่จะต้องเข้าห้องผ่าตัด

 "น้องกบร้องไห้ ร้องไห้ตั้งแต่ลงลิฟท์จะเข้าห้องผ่าตัดแล้วเพราะกลัว ผมก็เข้าไปในห้องคลอดแต่ไม่ได้อยู่ตลอด เพราะถ้าคลอดเองเขาจะอนุญาติให้คุณพ่อเข้าไปได้ แต่พอผ่าเนี่ยเราก็ดูตอนบล็อกหลังและคุณหมอก็ทำความสะอาดเตรียมที่จะลงมีด ผมก็ออกมารอข้างนอกเพราะมีคุณหมอเยอะ ทั้งหมอดมยา หมอเด็ก หมอสูติฯ"
     
"ผมได้อุ้มลูกแล้วครับ ถามว่าหน้าตาเป็นยังไง ผมว่าเขายังเด็กก็หน้าคล้ายๆ กันเกือบหมดแหละครับ(หัวเราะ) ตอนออกมาผิวเขาจะเหี่ยวหน่อยเพราะอยู่ในน้ำ พอออกมาแล้วผิวเขาก็เริ่มสดใสขึ้น พยาบาลก็ลองเอาไปให้น้องกบป้อน อาหารและให้นมดู น้องกบเขาก็ดีใจ ผมก็เป็นห่วงน้องกบเพราะรู้ว่าเขาเจ็บแล้วก็(น้ำตาซึม) เป็นห่วงครับเพราะน้องกบไม่เคยผ่าตัดใหญ่ แต่ตอนนี้ต้องมาผ่าตัด ผมก็กลัวเรา รับทราบข้อมูลมาตั้งแต่แรกว่า รกเกาะต่ำมันอันตราย เด็กที่อยู่ในท่านั่งที่เอาขาออกมาก่อน มันจะไม่ปลอดภัยเหมือนกับเด็กที่เอาหัวออกมาอยู่แล้ว คุณหมอก็จะบอกความเสี่ยงไว้แล้วว่า ถ้าทำแบบนี้จะมีความเสี่ยงกี่เท่า ถ้าแบบนี้จะมีความเสี่ยงกี่เท่า ก็ค่อนข้างกังวล ก่อนเข้าห้องผ่าตัดก็บอกเขาว่า อยู่ตรงนี้นะ เดี๋ยวจะพาลูกมาให้ดูหน้า"
     
"ตอนนี้ตั้งชื่อแล้วครับชื่อน้องปุณณดาเป็นคำผสมระหว่างนาม สกุล ชื่อผมมี ด. ก็เอา ด. มา แล้วก็มีชื่อคุณแม่ด้วยดาริกา ก็เลยเอาชื่อคุณแม่มาเป็นสุดท้าย ก็เลยกลายเป็น ปุณณดา ปุณณกันต์ น้องกบเป็นคนตั้งเองก็ไปขออนุญาตคุณแม่ผม ขอเอาชื่อคุณย่ามาต่อท้าย ตอน นี้ลูกอยู่ในห้องปลอดเชื้อไม่ได้อยู่ในตู้อบ เด็กแข็งแรงสมบรูณ์ดี แต่คงต้องอยู่ที่นี่อีกหลายวันต้องรอดูก่อนว่าจะตัวเหลืองหรือไม่เหลือง ก็ต้องรอดูว่าคุณหมอจะอนุญาตให้กลับบ้านวันไหน"
     
เผยครอบครัวของ "บรู้ค" ค่อนข้างเป็นห่วง มาถึงโรงพยาบาลตั้งแต่เช้า

"คุณพ่อคุณแม่ผมมาถึงโรงพยาบาลตั้งแต่ 7 โมงเช้า และก็มานั่งเฝ้าอยู่ห้องผ่าตัด พึ่งไปทำงานเมื่อตอนเที่ยงๆ บ่าย ๆ ส่วนคุณแม่ลางานก็มาเฝ้าน้องกบอยู่ คุณแม่ผมเขาก็เห่อครับเพราะเป็นลูกของผมคนแรก แต่เป็นหลานคนที่ 5 ของบ้านคงไม่ได้เห่อ คุณแม่บอกว่าปากเหมือนผม แต่ช่วงบนหน้าผากเหมือนน้องกบ ตอนนี้ผมยังไม่ได้เตรียมอะไรให้ลูกเลยเพราะลูกของเยอะ แต่คงต้องหาเตรียมให้น้องกบ ก็ยังไม่ทราบเลยครับว่าจะให้อะไร แต่เดี๋ยวต้องไปหาก่อนว่าจะให้อะไรเขาสงสารเขา"
     
 "กบ" อยากเลี้ยงลูกเอง

"น้องกบอยากจะเลี้ยงลูกเอง ผมก็ค่อนข้างงานเยอะเพราะกำลังจะยุบสภา แต่ก็คงต้องผลัดเปลี่ยนกันเลี้ยงลูกเพราะเราอยู่กันสองคน ก็คุยกันไว้ว่าเสาร์อาทิตย์จะให้คุณแม่ผมมาช่วยเลี้ยง และให้ทางคุณแม่น้องกบมาช่วยเลี้ยงด้วย ด้านคุณแม่ผมก็เตรียมห้องที่บ้านไว้แล้ว คือเป็นการเตรียมไว้ก่อน ถ้าอยากเลี้ยงเองก็เลี้ยง แต่ถ้าเลี้ยงไม่ไหวก็กลับมาที่บ้านคุณแม่จะช่วยเลี้ยง"
     
"ส่วนงานในวงการบันเทิงของกบยังไม่ทราบว่าจะยังไง คงต้องไปถามเจ้าตัวเขาเอง แต่ก่อนที่จะคลอดก็มีงานติดต่อเข้ามาเยอะเป็นเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับ คุณแม่ทั้งหลาย แต่น้องกบเหนื่อยเพราะมีเรื่องของรกที่ไม่ปกติ คุณหมอจะขอร้องว่าห้ามเดินให้นอนเยอะ ๆ ห้ามเดินช็อบปิ้งห้ามไปอะไรที่ไม่จำเป็นก็เลยไม่ได้รับงาน แต่ไม่ทราบว่าเมื่อคลอดและโอเคแล้วเขาจะรับหรือเปล่า แต่ผมเชื่อว่าช่วงนี้เป็นช่วงที่เขาอยากจะให้เวลากับลูก เพราะเขาบอกจะเลี้ยงลูกด้วยน้ำนมเขาเอง จะเลี้ยงจนไม่มีน้ำนมให้"
     
ด้าน “นางดาริกา ปุณณกันต์” ของ “บรู้ค” ก็เปิดเผยว่า....

"ไม่ใช่หลานผู้หญิงคนแรกค่ะ เป็นหลานยายผู้หญิง 2 คนแล้ว และคนนี้เป็นหลานคนที่ 5 ก็ดีใจค่ะที่ได้หลานเพิ่มอีกคน วันนี้ก็ลางานมาเพราะว่าควรจะมาดูว่าหลานเป็นยังไงครบ 32 ไหม สุขภาพเป็นยังไง หลานทุกคนก็จะมาดูแบบนี้ถ้าอยู่เมืองไทยก็จะมาดู เห็นหน้าแล้วคิดว่าหน้าผากคงจะเหมือนทางกบ ส่วนรูปหน้ามาทางบรู้คจมูกบรู้คเลย รู้สึกปุณณกันต์ทุกคนจมูกแบบนี้แหละ ส่วนชื่อเล่นที่เขายังไม่ได้ตั้งก็อยากจะให้เขาตั้งเอง ก็เป็นลูกเขาให้เขาช่วยกันตั้งก็จะได้ภูมิใจ กบเขาตั้งชื่อจริงไว้ก่อนแล้ว แต่ชื่อเล่นเห็นว่าจะให้บรู้คเป็นคนเลือกแต่ในที่สุดก็ยังเลือกไม่ได้ เพราะมีหลายชื่อเกินไปก็ยังไม่รู้จะเรียกชื่ออะไร"
     
"สำหรับของรับขวัญตอนนี้เขายังเล็กอยู่ เขาไม่รู้เรื่อง ถ้ารับขวัญตอนนี้เดี๋ยวพ่อยึดหมด ให้เขาโตกว่านี้อีกนิดดีกว่าจะได้รู้ว่าเขาอยากได้อะไร ถามว่าตื่นเต้นไหม พูดจริงๆ ก็คือเป็นหลานคนที่ 5 แล้ว ตื่นเต้นไหมก็ไม่ได้ตื่นเต้น แต่ไม่ใช่ว่าไม่สนใจ แต่อาจจะเป็นเพราะคนที่ 5 ก็เริ่มชินแล้ว แต่ถ้าเป็นคนแรกก็จะแบบอยากจะรู้ว่ามีอะไรครบไหม เขาจะคลอดยังไงจะเป็นยังไง จากประสบการณ์ที่ลูกๆ มีลูกมาแล้วก็สบายใจเพราะส่วนใหญ่มีลูกแล้วปลอดภัย แล้วหมอสมัยนี้ก็เก่ง ข้อสำคัญเราเห็นตั้งแต่อัลตร้าซาวน์มาตั้งแต่แรก 4- 5 เดือนเราก็เห็นแล้ว คุณหมอทำคลอดก็บอกเด็กแข็งแรงปลอดภัยก็เลยไม่มีปัญหาตรงนี้"
     
"สำหรับคำแนะนำเราก็ต้องช่วยเขา ถ้าเขาถามอยากรู้อะไรเราก็จะช่วยเขา แต่ส่วนมากกบเขาจะปรึกษาน้องของบรู้คเพราะพึ่งคลอดมาได้ 3 เดือนเอง เป็นที่ปรึกษาอย่างดีเพราะเขาท้องเป็นครั้งที่ 2 แล้ว เขาก็จะเป็นที่ปรึกษาให้กบ เขาก็ถามโน่นถามนี่เพราะอยู่ในวัยเดียวกัน ส่วนนุสบา(นุสบา ปุณณกันต์) เขาก็เป็นห่วง ก็โทรไปบอกว่าคลอดแล้ว เราอุ้มเป็นคนแรกเลย ก็คงเอาใจย่าหน่อยมั๊ง"(หัวเราะ)
     
"ตอนนี้ที่บ้านก็เตรียมห้องไว้ให้แล้ว แต่ว่ากบเขาอยากเลี้ยงเอง ก็ถามว่าเอาพี่เลี้ยงไหม เขาก็บอกจะเลี้ยงเอง ก็ต้องให้เขาลองดูก่อนว่าจะไหวไหม แต่คิดว่าอีกซักพักคงจะรู้(หัวเราะ) อีกซัก 2 ชั่วโมงก็คงจะรู้ อีกไม่เท่าไหร่ก็คงจะหิ้วมาทั้งหมด(หัวเราะ) เลี้ยงเด็กอ่อนนี่ไม่ใช่ง่ายนะ คุณแม่ก็เข้าใจเป็นธรรมดาที่เขาอยากจะเลี้ยงกันเอง แต่จาก ประสบการณ์เวลาเด็กมีไข้สูงต้องเช็ดตัวทั้งคืนเดี๋ยวเขาก็ส่งมาให้ย่าให้ยาย เลี้ยง ก็ถ้าเขามาหาให้ช่วยดูเราก็ช่วยดูอยู่แล้ว หลานทุกคนเราก็รักทุกคนเหมือนกัน เราไม่ได้เลือกที่รักมักที่ชังรักเท่ากันทุกคน นี่ก็เห็นว่าให้ชื่อว่าปุณณดา ก็คงกลัวย่าเสียใจมั๊ง(ยิ้ม) อันนี้ก็เห็นได้ชัดว่า เผลอๆ เราก็อาจจะต้องเลี้ยง(หัวเราะ) เพราะมีส่วนเอี่ยวอยู่ด้วย

'ธัญญ่า'ขอหย่า'เป๊ก'รอเคลียร์ก่อนบินกลับไทย

หนีมรสุมชีวิตครอบครัวไปอยู่ประเทศสหรัฐอเมริกากับ ลูกสาว "ลียา" ลลียา ตั้งแต่ปีที่แล้ว นักแสดงชื่อดัง "ธัญญ่า" ธัญญาเรศ มีโอกาสกลับมาบ้านเกิดเมื่อต้นปีที่ผ่านมา และกลับไปอเมริกาอีกครั้ง จนมาวันนี้เธอยังไม่มีโปรแกรมจะกลับมาเมืองไทย กระทั่งล่าสุดมีข่าวว่าเธอเตรียมจะหย่ากับสามี "เป๊ก" สัญชัย จริงเท็จอย่างไร  "คม ชัด ลึก" เลยยกหูโทรศัพท์ข้ามทวีป เพื่อสอบถามเธอ ธัญญ่าเผยให้ฟังดังนี้

"ได้ พูดเรื่องหย่ากับพี่เป๊กแล้ว อาจจะเป็นเพราะเราแข็งเรงแล้วมั้ง เรื่องมันผ่านมานานแล้ว เราอยากจะให้จบ และเราก็พร้อมที่จะหย่า (เหมือนเป๊กไม่ยอมหย่า) พี่เป๊กไม่ยอมหย่า เราคุยกันหลายเดือนแล้ว แต่ยังไม่ลงตัว  นี่เขาก็เพิ่งบินมาหาที่อเมริกา  แต่ตอนนี้กลับไปแล้ว เพิ่งกลับไปไม่กี่วันเอง เขาบินมาบ่อย มาเยี่ยมลูกด้วย (แต่มีข่าวว่าบินมาเพื่อหย่า) ไม่ได้มาเพื่อหย่าหรอก คือเขามาบ่อย ก็ยังมาเยี่ยมลูก ไปเที่ยว พาลูกไปเที่ยวด้วยกันเหมือนเดิม (เป๊กบอกว่าถ้าจะหย่าให้ไปฟ้องเอา) ใช่...ตอนนี้เรายังคุยกันอยู่ ยังเคลียร์ไม่ลงตัว ว่าหย่าแล้วจะยังไง จะแบ่งลูกยังไง" ธัญญ่ากล่าว

ถามต่อ ว่าสภาพจิตใจตอนนี้เป็นยังไงบ้าง นักแสดงชื่อดังกล่าว ว่าสภาพจิตใจเข้มแข็งขึ้น แฮปปี้ดี  มีความสุข หลังจากผ่านมรสุมมามากมาย

"สภาพจิตใจโอเคแล้ว แฮปปี้ดี มีความสุขดี แต่คิดถึงเมืองไทย อยากกลับเมืองไทย ไปทำงานเหมือนเดิม แต่ยังไม่รู้เลย ว่าจะกลับเมื่อไหร่ อยากเคลียร์ทุกอย่างให้ลงตัว เคลียร์เรื่องหย่าให้จบก่อนที่จะกลับเมืองไทย เรื่องลูกจะแบ่งยังไง แต่พี่เป๊กเขาไม่ยอมหย่า ก็เลยไม่รู้ว่ายังไง" ธัญญ่าแจกแจง พร้อมกับเสริมต่อ ว่าตอนนี้ "ลียา" ลูกสาว จะมีอายุครบ 2 ขวบแล้ว
 
"ตอนนี้ลียาก็เริ่มพูดได้เยอะแล้ว เขาโตขึ้น ตอนนี้เขาเรียก มามี้ แด๊ดดี๊ ได้แล้ว แต่เขาไม่รู้เรื่องพ่อกับแม่หรอก เพราะเขายังเด็ก ยังไม่ 2 ขวบ จะคบ 2 ควบ เดือนมิถุนายนนี้ธัญญ่าใช้ ชีวิตอยู่ที่นี่  8 -9 เดือนแล้ว แต่ก็อยากกลับเมืองไทยนะ จริงๆ มีคนให้กำลังใจเยอะเหมือนกัน มันทำให้เราแฮปปี้ เราได้อ่านกำลังใจที่คนให้มา ทำให้เราเข้มแข็งขึ้น (เคลียร์เรื่องส่วนตัวกับเป๊กจบหรือยัง) ไม่ทราบเลย ที่ผ่านมามันไม่เคยจบสักที แต่เราไม่วิ่งตามข่าวแล้ว อยู่แบบนี้ดีกว่า ตอนนี้ความสัมพันธ์ก็อยู่ในฐานะพ่อกับแม่ของลียา" ธัญญ่ากล่าวสรุป