เดวิด วัลเกรน และ เดบอราห์ บราซิล รองอัยการเมืองลอสแอนเจลีส ตัดสินใจยื่นคำร้องต่อผู้พิพากษาเพื่อคัดค้าน ดร.เมอร์เร่ย์ หลังจากเชื่อว่าเขาเตรียมเปลี่ยนแปลงการให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เกี่ยวกับการเสียชีวิตของแจ็กสัน เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2009 ด้วยการอาศัยความช่วยเหลือจาก ดร.พอล ไวท์ วิสัญญีแพทย์ และ ดร.โจเซฟ ฮารัสซ์ติ จิตแพทย์ที่มีตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ที่จะขึ้นให้การต่อศาลในฐานะพยานฝ่ายจำเลย
ทีมอัยการเชื่อว่า ดร.เมอร์เร่ย์ บอกกับทั้ง 2 คนว่าเขาออกจากห้องนอนของแจ็กสัน เพื่อโทรศัพท์ไม่ใช่ออกไปเข้าห้องน้ำอย่างที่เคยให้ปากคำกับตำรวจ ก่อนที่ป็อปสตาร์คนดังจะมีอาการหัวใจวายจนเสียชีวิต และทั้ง 2 คนจะช่วยยืนยันว่า ดร.เมอร์เร่ย์ มีความเชี่ยวชาญในการใช้โปรโฟฟอล ยาสลบชนิดร้ายแรงต้นเหตุที่ทำให้ตำนานเพลงผู้นี้ต้องลาโลกก่อนเวลาอันควร โดยแถลงการณ์ที่ออกมาระบุว่า ''มีเจตนาจะทำบางอย่างลับหลังเพื่อนำเสนอการให้ปากคำใหม่ บางสิ่งที่ไม่ได้อยู่ในรายงานตอนแรกอย่างเช่นข้อมูลที่ขัดแย้งของฝ่ายจำเลยในการให้ปากคำกับตำรวจก่อนหน้านี้''
นอกจากนี้ก่อนที่คดีจะเปิดการพิจารณาในวันที่ 9 พฤษภาคมนี้ ฝ่ายอัยการเตรียมนำบันทึกการโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นงาน ดร.เมอร์เร่ย์ ที่ไม่เอาใจใส่ดูแล แจ็กสัน ระหว่างได้รับยาสลบโปรโฟฟอล และยากล่อมประสาทอีกหลายชนิด แต่เขากลับออกไปโทรศัพท์คุยกับเพื่อนหญิงที่เป็นพนักงานเสิร์ฟเหล้า และนักเต้นระบำโป๊ที่คลับ ในเมืองลาสเวกัส ''รายละเอียดของความสัมพันธ์ที่ถูกเปิดเผยแสดงให้เห็นระดับการขาดความเอาใจใส่ของ ดร.เมอร์เร่ย์ และความรับผิดชอบที่เขามีต่อการดูแลมิสเตอร์แจ็กสัน''
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น