วันจันทร์ที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

"ดร.เมอร์เรย์" โชคเข้าข้าง แฉ "แจ็กสัน" ติดยารุนแรง ตรวจเจอโคเคนในก.ก.น.

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ต่างเชื่อกันว่า ดร.เมอร์เรย์ ต้องรับผิดชอบโทษฐานให้ยานอนหลับรุนแรงโปรโพฟอล เกินขนาด จนไมเคิ่ลหลับไม่ตื่น แต่จากเอกสารล่าสุดทั้งเรื่องโคเคนและยาตามใบสั่งแพทย์กว่า 500 ขวด มีสิทธิ์ทำให้คดีนี้พลิกอีกตลบ โดยแหล่งข่าวกล่าวว่า ''เอกสารพวกนี้มีความสำคัญต่อการแก้ต่างของเมอร์เรย์ พวกมันแสดงให้คณะลูกขุนรู้ซึ้งถึงปัญหาการใช้ยาของเอ็มเจและเขา (หมอ) แทบไม่มีโอกาสจะช่วยให้เขารอด''
    
ตามรายงานข่าวจาก ''นิวส์ ออฟ เดอะ เวิลด์'' เผยว่า นักพิษวิทยาตรวจพบร่องรอยโคเคน รวมถึงตัวยาหลากหลายชนิด ที่กางเกงชั้นในคาลวิน ไคลน์ ของไมเคิ่ลสองตัว ตอนมีการบุกตรวจเนฟเวอร์แลนด์เมื่อกว่า 8 ปีก่อน โดยไม่สามารถล่วงรู้ได้ว่ามันทิ้งร่องรอยเอาไว้ตรงนั้นอย่างไร บางทีอาจร่วงหล่นตอนไมเคิ่ลเล่นยา และนอกจากโคเคนแล้ว ยังมีการตรวจพบยาแก้ปวดเดอเมอรอล ยานอนหลับโปรเมตาซีน, ยาแก้ปวดหัวนอร์เมเพรีดีน และ มอร์ฟีน ทิ้งร่อยรองไว้ที่กางเกงของไมเคิ่ลด้วย
    
มิหนำซ้ำยังมีการตรวจพบเลือด ซึ่งเชื่อว่ามาจากการฉีดยาแก้ปวดเดอเมรัลที่ต้นขาของเขา ส่วนยากว่า 500 ขวดนั้น ตำรวจบอกว่าเป็นยาที่ลงชื่อไมเคิ่ล คนงานที่เนฟเวอร์แลนด์ โดยมันถูกเก็บเอาไว้ทั้งในเซฟ, ตู้ยา, รองเท้า, ตู้เสื้อผ้า, ห้องพักผ่อน และ ห้องน้ำ ทำให้ทางทีมกฎหมาย ทนายความของ ดร.เมอร์เรย์ วางแผนเรียกหมอที่เคยดูแลรักษาแจ็กโก้ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา มาขึ้นให้การที่ศาลในวันที่ 9 พ.ค. นี้
    
ทีมกฎหมายของเมอร์เรย์ยังยื่นเอกสารที่บอกว่า ไมเคิ่ลเล่นยาระหว่างการซ้อมคอนเสิร์ต This Is It ที่ลอนดอน โดยเขาถึงขนาด ''ดื่ม'' ยานอนหลับโปรโพฟอล ผสมกับน้ำส้มคั้น ''แจ็กสันดื่มยานอนหลับอาจฟังดูแปลกๆ พิกล แต่มันเป็นกลยุทธ์ของเมอร์เรย์ในการวาดภาพให้เห็นว่า ไมเคิ่ลติดยาขนาดไหน เขาบอกว่าขวดนม - อย่างที่ไมเคิ่ลชอบเรียก - หายไประหว่างการดูแลรักษาเขา เขาสงสัยว่าไมเคิ่ลอาจเติมอะไรลงไปด้วย''
    
ความคาดหวังของทนายของเมอร์เรย์คือ ลูกขุนจะตัดสินว่า ไมเคิ่ลฉีดยาโปรโพฟอล และเกิดโอเวอร์โดสที่ทำให้หยุดหายใจในเดือนมิถุนายน 2009 นอกจากนี้ ยังมีการอ้างถึงอดีตบอดี้การ์ดของแจ็กโก้ อย่าง ไมเคิ่ล ลาเปอรูเก้ ที่บอกว่า ไมเคิ่ลเคยฉีดยาเองตอนหมอเมอร์เรย์พยายามให้เขาหยุดใช้ยาแก้ปวดเดอเมรัล นอกจากนี้ แจ็กโก้ยังเคยกินยาซาแน็กซ์ถึง 40 เม็ด, สูบกัญชา และ ดื่มเหล้าหนัก
    
เภสัชกร ราช กุมาร แห่งเบเวอร์ลี่ ฮิลล์ส บอกว่า ''แจ็กสันติดยาอย่างรุนแรง ไม่มีทางที่หมอเมอร์เรย์จะควบคุมคนไข้ของเขาได้ เขาสามารถแย้งได้แบบง่ายๆ เลยว่า เขาเองก็จนปัญญาที่จะรู้ได้ว่า เขา (แจ็กสัน) ใช้ยาไปมากขนาดไหน''

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น