วันพุธที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

รมต.เรียกวิก3 ถกปัญหา "ดอกส้มสีทอง"

เมื่อวันที่ 3 พฤษาภาคม 2554  ที่รัฐสภา นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีในฐานะกำกับดูแลสื่อของรัฐ ได้เปิดใจถึงกรณีปัญหาเกี่ยวกับละครเรื่อง ''ดอกส้มสีทอง'' ผลิตโดย บริษัท บรอดคาซท์ ไทย เทเลวิชั่น จำกัด ออกอากาศทางไทยทีวีสีช่อง 3 ทุกวันพุธ-พฤหัสบดี กำลังจะโดนแบนหลังกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) ออกมาบอกเป็นละครที่ไม่เหมาะสม ว่าขณะนี้ได้ประสานงานไปที่กระทรวงวัฒนธรรมเพื่อหารือในเรื่องที่เกิดขึ้น โดยในวันที่ 4 พ.ค. นี้ตนจะเรียกประชุมผู้ที่เกี่ยวข้องอาทิ ตัวแทนช่อง 3 ผู้จัดละคร ตัวแทนสมาคมวิทยุโทรทัศน์ไทย มาร่วมหารือ ต้องยอมรับว่าละครเรื่องดังกล่าวเป็นละครที่มีเนื้อหาแรงกว่าละครเรื่อง ทั่วๆมากกว่าปกติ และในระหว่างที่ไปราชการที่จ.สุรินทร์นั้น ตนได้มีการประสานเป็นการภายในไปที่ช่อง 3

นายองอาจ กล่าวต่อว่า เวลานี้ประเทศไทยไม่มีกบว.ในการที่จะมากวดขันในเรื่องเนื้อหา ละครหรือภาพยนตร์ที่ไม่เหมาะสม จะมีก็จะเป็นแบบกบว.ของแต่ละช่อง โดยแต่ละช่องจะมาประชุมพิจารณาเฉพาะโฆษณา เรื่องเนื้อหารายการจะเป็นความรับผิดชอบของช่องเอง

ส่วนในเรื่องการทบทวนในเรื่องการถอนสัมปทานนั้น นายองอาจกล่าวว่าเบื้องต้นเป็นเรื่องกรรมการของอสมท ที่จะพิจารณาว่าเข้าข่ายขัดต่อการให้สัมปทานที่อสมท ทำกับช่อง 3 หรือไม่ โดยภาระหน้าที่ก็จะอยู่ที่กรรมการอสมท ก็จะมีผอ.อสมท เป็นกรรมการอยู่ด้วย โดยการหารือในวันที่ 4 พ.ค. ก็ยังไม่ทราบด้วยว่าละครเรื่องดังกล่าวจะถูกตัดออกในบางส่วน ต้องหารือกันก่อน

ทางด้าน ''หน่อง'' อรุโณชา ภาณุพันธุ์  ผู้บริหาร บริษัท บรอดคาซท์ ไทย เทเลวิชั่น จำกัด ผู้ผลิตละครเรื่องดังกล่าว ได้สั่งให้ทีมงานละครเรื่อ ดอกส้มสีทอง นำเทปละครเรื่องมาให้ดู เพื่อตรวจดู พิจารณาเนื้อหาโดยรวมว่ามีเนื้อหารุนแรงอะไร ทั้งนี้ทางทีมงานของละครดอกส้มฯ ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า ละครได้ดำเนินมาจนใกล้จะถึงตอนอวสานแล้ว แม่ของเรยาก็ได้เสียชีวิตไปแล้ว คงไม่มีฉากอะไรที่เรยาจะทำรุนแรงหรือพูดจาไม่ดีกับแม่ อีกทั้งตัวละครเรยาก็ตั้งครรภ์ ไม่มีเนื้อหาอะไรที่รุนแรงเหมือนกับตอนแรกแล้ว ทั้งนี้ผลการถกจะเป็นอย่างไร คงจะต้องรอดูกันต่อไป

โดย ''หน่อง-อรุโณชา'' จะเดินทางไปยังสำนักนายกรัฐมนตรี เวลา 08.30 น. โดยมี คุณบริสุทธิ์ บูรณสัมฤทธิ์ หัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์ ไทยทีวีสีช่อง 3 และ 2 นักแสดงตัวแทนละคร ''โดนัท'' มนัสนันท์ พันเลิศวงศ์สกุล,  ''โบว์'' เบญจวรรณ อาร์ตเนอร์ ร่วมหารือในวันที่ 4 พ.ค. นี้ด้วย

สวนดุสิตโพล เปิดเผย ผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนที่มีกับละครเรื่อง ''ดอกส้มสีทอง'' ซึ่งถูกกระแสสังคมวิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสม และมีผู้ปกครองร้องเรียนผ่านกระทรวงวัฒนธรรม พบว่า อันดับ 1 ร้อยละ 53.29 ประชาชนเห็นว่า เนื้อหาของละครมีความเหมาะสม เพราะเป็นเรื่องจริงที่มาจากการสะท้อนชีวิตของคนในสังคม ให้แง่คิดในเรื่องการมีชีวิตคู่ การมีครอบครัว ฯลฯ ขณะที่ประชาชนมากที่สุดถึงร้อยละ 58.33 เห็นว่า การแสดงบทบาทของตัวละคร ชื่อ ''เรยา'' ที่รับบทโดย ''ชมพู่'' อารยา เอ ฮาร์เก็ต ไม่มีความเหมาะสม เพราะมีการใช้พฤติกรรมที่ก้าวร้าว คำพูดไม่เหมาะสมกับบุพการี เป็นชู้กับสามีคนอื่น

เมื่อถามว่า คิดเห็นอย่างไรกับการวิพากษ์วิจารณ์ละครเรื่องนี้ ประชาชนถึงร้อยละ 59.62 เห็นด้วยบางส่วน เพราะเนื้อหาโดยรวมของเรื่องต้องการสะท้อนความเป็นจริงในสังคม แต่บทบาทและฉากบางตอนล่อแหลมไม่เหมาะสม อย่างไรก็ตาม เมื่อถามผู้ชมละครว่า ควรทำอย่างไรกับละครเรื่องนี้ ก็พบว่า ประชาชนมากถึงร้อยละ 61.95 เห็นว่า ควรให้ละครฉายต่อไปตามปกติ เพราะอยากรู้ว่าจุดจบของละครเรื่องนี้จะเป็นอย่างไร หากตัดต่อบางตอน จะเป็นการทำลายอรรถรสในการรับชมของแฟนละคร และถึงจะหยุดฉายก็ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาสังคมได้
   
วันเดียวกัน นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ หรือ ''ครูหยุย'' กรรมการและเลขาธิการมูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก ในฐานะประธานคณะทำงานด้านเด็ก ออกมาสนับสนุน นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ในการจัดการปัญหาเรื่องละครน้ำเน่าที่มีความรุนแรง โดยมุ่งไปจัดการเร่งรัดตั้งแต่ราชการ ว่าต้องเอาจริงเอาจังกับเด็กเส้นที่ตำรวจเคยอะลุ้มอล่วยอยู่ตลอดเวลา พอมีเรื่องทีก็กวาดที

เมื่อถามว่า ผู้จัดและผู้เกี่ยวข้องก็บอกว่าละครเรื่องนี้มันมีประโยชน์แฝง ต้องดูยาวๆ มีเรตติ้ง 18+ ให้แล้วไง แล้วหรือถ้าคิดว่ามีฉากรุนแรง ก็ต้องมีผู้ปกครองให้คำแนะนำ

ด้าน นายมนตรี สินทวิชัย  เลขาธิการมูลนิธิคุ้มครองเด็ก หรือครูยุ่น กล่าวว่า เรื่องการจัดเรตติ้งละครเป็นเหมือนไฟไหม้ฟางเท่านั้น เรื่องการแก้ปัญหาต้องให้กระทรวงวัฒนธรรม และผู้เกี่ยวข้องจัดการอย่างจริงๆ จังๆ และเห็นว่า การจัดเรตติ้งเป็นเครื่องมือในการโฆษณามากกว่าจะเป็นการห้ามแบบจริงจัง เพราะไม่มีอะไรรับรองได้ว่าจัดเรตแล้วจะห้ามได้มากน้อยแค่ไหน อย่างละครเรื่องดอกส้มสีทองที่เป็นประเด็นนี้ ซึ่งออกมาเพิ่มเรตติ้งให้เป็น 18+  ตนว่ามันก็เป็นการสร้างกระแสให้ละครดังขึ้นอีกมากกว่า

ครูยุ่น กล่าวว่า ทางด้านกระทรวงวัฒนธรรมถ้าเขาคิดว่าละครเรื่องนี้ควรจะแบน อยากให้มองว่า ก่อนที่ละครเรื่องนี้จะออกอากาศก็ต้องผ่านกระบวนการกลั่นกรองจากทาง กบว. ช่องอยู่แล้ว แต่พอมีเรื่องจะให้ กบว.ลาออกหรือยึดสัมปทานไม่น่าถูกเลยทีเดียว ถ้าทำอย่างนั้นต้องย้อนกลับไปตั้งแต่เริ่มต้นว่าที่ผ่านมามีละครเรื่องไหน บ้าง ช่องไหนบ้างที่ล่อแหลมหวือหวาในการนำเสนอ ซึ่งก็ต้องไล่ย้อนดูกันเลย และก็ต้องลงโทษย้อนหลัง กบว.ชุดก่อนๆ ด้วย ถ้าทางกระทรวงวัฒนธรรมจะดำเนินการ ก็ทำได้ แต่คำถามคือจะทำจริงจังหรือไม่

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น