วันศุกร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

“เก๋” ฉะ “อั้ม” หึงเว่อร์ยันไม่เคยลูบ “โน้ต” เหน็บบางทีดาราที่ชอบพูดตรงก็เสแสร้ง

หลังจากที่ “อั้ม พัชราภา ไชยเชื้อ” นางเอกซูเปอร์สตาร์คนดังออกมาให้สัมภาษณ์ว่า มีไฮโซอักษร “ก” มาลูบไล้หลัง “โน้ต วิเศษ รังสีสิงห์พิพัฒน์” แฟน หนุ่มชนิดที่ใครเห็นก็ต้องร้องโอ้....แต่ตนเองไม่อยากจะพูดมากเพราะกลัวว่า ไฮโซ ก.จะอาย แถมยังแฉอีกว...่า ไฮโซ ก. ที่ว่านั้นจริงๆ แล้วไม่ใช่ไฮโซ แต่เป็นดาราที่ผันตัวไปเป็นเซเลบริตี้เท่านั้น

ซึ่งไฮโซหรือเซเลบริตี้ที่อั้มกล่าวถึงนั้นน่าจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก “เก๋ รุ่งนภา พงศ์ทิพย์สุคนธ์” หรือ "ณัฏฐ์ธนิน คุณาธนาฒย์" อดีตนักแสดงสาวที่ปัจจุบันมักจะเห็นข่าวคราวของ เก๋ปรากฏตามหน้าข่าวสังคม เนื่องจากเจ้าตัวทำงานด้านประชาสัมพันธ์ พอสอบถามไปถึงเรื่องดังกล่าว เจ้าตัวก็สาธยายแบบหมดเปลือกชนิดหนังคนละม้วนกับอั้ม พัชราภา เมื่อวานฟังความจริงจากฟังอั้มไปแล้ว วันนี้มาฟังความจริงจากปากเก๋กันบ้าง

“เก๋อ่านข่าวแล้วค่ะรู้สึกขำติ๊งต๊องมันละครชัดๆ ก็คือช่างมันเถอะเรื่องมันไม่มีอะไรเป็นเรื่องที่เข้าใจผิด วันนั้นเก๋ไปเที่ยวก็นัดกับเพื่อนๆ แต่เพื่อนกลุ่มนั้นยังไปไม่ถึง เก๋ก็เดินเข้าไปในร้านแล้วเก๋ก็เจอเพื่อนเก๋สองคนนั่งอยู่แฟน และก็เจอโน้ตกับพี่อั้มนั่งอยู่กับเพื่อนเก๋ด้วย เก๋ก็หันไปยิ้มให้เขาก็ไม่รู้เขาเห็นหรือเปล่าเพราะมันมืด”

“แล้วพอเพื่อนเก๋นั่งอยู่เก๋ก็ทักสิ เพื่อนเก๋ก็อยู่กันทั้ง โต๊ะทุกคนในนั้นเห็นเหตุการณ์หมดว่า เก๋ไม่ได้ลูบหลังเหมือนที่เขาทำท่าออกทีวี จะบ้าเหรอเก๋แค่เดินเข้าไปแล้วก็แตะหลังเฮ้ย...หวัดดี แค่เฮ้ยหวัดดีนะ และเก๋ก็คุยกับเพื่อน แต่เขาคงแบบทะเลาะกันมาก่อนเพราะเพื่อนเก๋บอกเขาทะเลาะกันมาก่อน ซึ่งอั้มเขาก็คงหึงและเข้าใจผิด เก๋ก็เข้าใจผู้หญิงแหละคนมันรักมันหวงก็คงเข้าใจผิด”

“เขาก็เดินมาถามเก๋ ว่า รู้จักกันหรอ เก๋ก็พูดตรงๆ ว่า เก๋รู้จักเพราะโน้ตเขาเคยเป็นแฟนเก่าของเพื่อนเก๋ เก๋ยืนยันว่าทักทายธรรมดาไม่ได้ไปลูบไล้หรืออะไร เลย งงเขามากอยู่ดีๆ ก็พูดจาไม่ดีใส่ แล้วเขาก็บอกว่า แต่โน้ตบอกว่าไม่รู้จัก เก๋ก็หันไปถามโน้ตว่า เฮ้ย..มึงไม่รู้จักกูหรอ ก็งงว่าทำไมโน้ตไปบอกอั้มแบบนั้น โน้ตเขาก็หันมาพูดว่า อืมรู้จักแล้วก็พาอั้มออกไปนั่งที่โต๊ะ”

“แล้วเก๋ก็พูดกับอั้มที่ว่า ขอโทษนะคะเมื่อกี้พี่ได้ยินแล้วนะว่าเก๋กับโน้ต รู้จักกันจะได้ไม่ต้องมามี ปัญหากัน เขาก็พูดสวนขึ้นมาว่า รู้จักกันทำไมต้องจับหลังกันด้วย เก๋ก็อ้าว...ไม่รู้หนิว่า รู้จักกันแล้วจับหลังกันไม่ได้ คือเก๋ก็งงไงก็คนรู้จักกันทำไมจะจับหลังกันไม่ได้ป้ายก็ไม่ได้มีติดไว้ เก๋ก็ไม่รู้ว่าเขาจะหวงหรืออะไรขนาดนี้”

“เพื่อนๆ เก๋ก็ดึงแขนบอกให้เก๋ๆ เบาและก็ดึงแขนออกมาคุยกันนอกร้าน เพื่อนๆ ก็บอกว่า เขาเองก็ไม่เคยเห็นพี่อั้มเป็นขนาดนี้ เขาก็บอกว่าพี่อั้มไม่เคยเป็นแบบนี้นะ พี่อั้มน่ารัก เขาก็พูดปกป้องพี่อั้ม ซึ่งเก๋ก็เชื่อแหละ เพราะเพื่อนบอกว่า เขาทะเลาะกันมาก่อนหน้านี้เหมือนของยังขึ้นอยู่ เก๋ก็คิดอ้าว...ทำไมไม่ไปทะเลาะกันที่บ้านมาเที่ยวกันทำไม”

“และเพื่อนก็ยังเล่าให้ฟังอีกว่า ก่อนที่อั้มจะเดินมา อั้มได้ถามโน้ตว่า รู้จักเก๋ไหม โน้ตก็บอกว่ารู้จัก แล้วอั้มก็ถามว่า รู้จักที่ไหน โน้ตก็บอกว่า เออ...ไม่รู้จักก็ได้ เก๋ก็เลยเข้าใจเลยว่า ทำไมอั้มเขาถึงหึงขนาดนี้ โอ๊ย(ถอนหายใจ) แล้วทำไมต้องไปพูดว่าไม่รู้จักก็ได้ มันเหมือนมีลับลมคมในเขาคงหึงขึ้นมา แต่ผู้ชายก็กลัวผู้หญิงเกินคือมันไม่มีอะไรก็ไปทำให้มันมีอะไร”

“มันไร้สาระมาก วันนั้นแฟนเก๋ก็ไป เพื่อนๆ ก็รู้ว่าเก๋มีแฟน แล้วเก๋เป็นคนที่แบบ ถ้าเก๋รักใครก็เปิดเผยเก๋ไม่ชอบแย่งของใคร คิดไปได้นะคนเรา เก๋ก็คุยกับเพื่อนเก๋ธรรมดาคือถ้าคนมันมีอะไร มันคง ไม่ยืนแบบหน้าด้านคุยอะไรอย่างนั้น แล้วจากข่าวต่างๆ ก็รู้อยู่แล้วว่าอั้มเขาเป็นคนแรงขนาดไหน เราก็คงไม่ใจกล้าหน้าด้านขนาดนั้นหรอก”

“เพื่อนเก๋ทุกคนในกลุ่มนั้นเห็นหมด เพื่อนที่เป็นดาราก็อยู่ในนั้น ผู้จัดการดาราที่นั่งอยู่ในกลุ่มนั้นก็ยังส่ง บีบีมาขอโทษเก๋เลย ขอโทษนะเก๋ขอโทษแทนเขาด้วย ตัวเขาเองก็ยังไม่เคยเห็นอั้มเป็นขนาดนี้ ทุกคนช่วยกันปกป้องพี่อั้มหมด เก๋ก็คิดว่าพี่อั้มเขาก็คงเป็นคนดีระดับหนึ่งถึงทำให้ทุกคนยอมขอโทษแทน”

“เก๋ก็ไม่ได้อะไร มันขำน่ะ คน รักคนหวงก็เข้าใจเขา แต่ก็คิดได้ไงจับหลังก็ไม่ได้เว่อร์เกิน ในมุมมองเก๋ถ้าไม่เข้าใจจริงๆ เดินมาถามดีๆ จะดูดีกว่า(คือน้ำเสียงเขาไม่ค่อยสุภาพ) โอ้โห...ใช่ จริงๆ เขาทำแบบนี้มันก็ไม่ดีสำหรับตัวเขา ตัวเก๋เองถ้ามีคนมาเขียนว่าอะไรมันก็ไม่ได้เสียหายเท่าตัวเขา เพราะเก๋ก็ไม่ได้เป็นดาราแล้ว แต่ตัวเขาเป็นดาราทำแบบนี้มันมีผลกระทบ”

เผยจริงๆ เรื่องนี้เพิ่งเกิดขึ้น ไม่ใช่ผ่านมาเป็นเดือนเหมือนที่ “อั้ม” ให้สัมภาษณ์
“สิ่งหนึ่งที่เก๋ไม่เข้าใจคือ เรื่องนี้มันจบไปแล้วและเป็นเรื่องที่เล็กมากๆ แล้วทำไมไปให้สัมภาษณ์ให้ข่าวมันกลับมาใหญ่อีกรอบ เรื่องนี้มันเพิ่งเกิดไปไม่นานน่าจะประมาณอาทิตย์ หรือสองอาทิตย์ที่แล้วนี่ เอง(แล้วทำไมอั้มบอกเกิดเป็นเดือนแล้ว) ก็ใช่ไงนั่นคือสิ่งที่เก๋ไม่เข้าใจ เก๋อธิบายไม่ถูก คือก่อนหน้านี้เก๋ก็ว่าเขาเป็นดาราที่แบบพูดตรง ดีไม่เสแสร้ง แต่ตอนนี้ก็ทำให้เก๋เปลี่ยนมุมมองไป บางทีคนเราที่ดูแรงๆ พูดตรงๆ บางทีก็เสแสร้ง มันคือการสร้างคาแร็คเตอร์ของตัวเองในวงการ”

“เรื่องมันไม่มีอะไรเลย ทุกวันนี้ก็ยังงงว่า อะไรวะฉันสวยขนาดที่ให้อั้มต้องหึงเลยหรอ เพื่อนก็บอกว่า สงสัยมึงคงสวยมากอั้มก็เลยหึง เขาเองก็สวยอยู่แล้วเขาก็มีจุดเด่นของเขาอยู่แล้ว ถ้าเขานิ่งกว่านี้น่าจะดีสำหรับตัวเขาเอง”

ยืนยันว่า “อั้ม” เป็นฝ่ายมาฉุดแขน ในขณะที่อั้มให้สัมภาษณ์ปฏิเสธ
“เขามาดึงแขนให้หันไปคุยกับเขา ซึ่งเราก็งงๆ ว่าคืออะไร แล้วไอ้ที่เขาบอกว่าทุกคนร้องโอ้... ก็คงจะร้องเพราะเขามาฉุดแขนเก๋นี่แหละ ทุก คนงงก็ขำๆ กัน ก็ยังมาคุยกับเพื่อนหน้าร้านเลย เพราะเพื่อนบอกให้ใจเย็น เราก็บอกเฮ้ย...เอามือออกเดี๋ยวถ้าแกเป็นแฟนอั้มเอามือมาจับไหล่ฉัน เดี๋ยวฉันโดนปาดคอตายแน่ ก็ยังแซวกันขำๆ”

ยอมรับไม่ใช่ไฮโซเหมือนที่ “อั้ม” พูด แต่ก็ไม่เคยขายตัวหรือเป็นเมียน้อยใคร

“เก๋ก็พูดตรงๆ ว่า เก๋ไม่ใช่ไฮโซ เก๋เป็นคนธรรมดาทั่วไป แต่ที่เห็นตามหน้าสังคมเพราะมันด้วยงานของเก๋ ที่ต้องเป็นแบบนั้น เก๋เป็นพีอาร์ก็ต้องทำงานตามหน้าสังคม เก๋ไม่ใช่ไฮโซเขาก็พูดถูก แต่ที่เก๋งงก็คือสิ่งที่เขาพูดว่า เก๋จะอาย เก๋จะต้องอายตรงไหนหรอ อาชีพที่เก๋ทำก็เป็นอาชีพสุจริต เก๋ไม่จำเป็นต้องอาย เก๋ไม่ได้ขายตัว เก๋ไม่เคยเป็นเมียน้อยใคร เก๋ไม่เคยไปทำอะไรมาก่อนทำให้เก๋ต้องอาย คือไม่ว่าจะเป็นอาชีพไหน จะเก็บขยะหรืออะไรก็ตามทุกอาชีพถ้าเก๋จะทำก็เป็นอะไรที่เราภูมิใจ ทุกวันนี้เก๋ก็ภูมิใจเพราะเป็นอาชีพสุจริต

“ก็ยืนยันค่ะว่าไม่ได้ไปลูบไล้โน้ต คนที่อยู่ในเหตุการณ์ก็เห็นทุกคน ไม่รู้สิเก๋ว่าเขาคงอยู่ในอารมณ์หึงแล้วจินตนาการไปเองหรือเปล่าว่า เก๋ไปลูบไล้ของ อีกอย่างโน้ตก็เป็นแฟนเก่าเพื่อนเก๋ เราคงไม่เอาแฟนเก่าเพื่อนมาเป็นแฟนหรอก”

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น